ศูนย์ข่าวภาคใต้ – ส่องบริการไปรษณีย์ไทยยุค 4.0 ที่ชายแดนใต้ กับความรับผิดชอบในหน้าที่ ที่ไม่เคยขาดตกบกพร่อง อีกทั้งยังมีจุดแข็งของคนไปรษณีย์ไทยเท่านั้นที่ทำได้ คือสามารถเข้าถึงได้ทุกคนและบ้านทุกหลังไม่ว่าจะอยู่ลึกขนาดไหนพร้อมส่งให้ถึงที่ นอกจากนี้ได้จับมือกับ ศอ.บต. กระจายสินค้าฮาลาล เป็นบทพิสูจน์ของ “การให้บริการที่ครอบคลุม เท่าเทียม โดยมิได้คำนึงถึงผลกำไรเป็นหลัก”
หนึ่งในพันธกิจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของไปรษณีย์ไทยตั้งแต่ยุคก่อตั้งเมื่อ 135 ปีก่อน คือ “การให้บริการที่ ครอบคลุม เท่าเทียม โดยมิได้คำนึงถึงผลกำไรเป็นหลัก” ยิ่งในยุค 4.0 ที่เน้นบริการด้านโลจิสติกส์รองรับการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซในช่วงนี้ ภาพสะท้อนไปรษณีย์ไทยยังทำพันธกิจได้ดีที่สุดต้องยกให้การทำหน้าที่ให้บริการใน “จังหวัดชายแดนภาคใต้” ซึ่งมีเรื่องราวที่สังคมควรรับรู้ไม่น้อย
“MGR Online ภาคใต้” ลงพื้นที่ชายแดนใต้ดูการทำงานของไปรษณีย์ไทย ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบส่วนหนึ่งของสำนักงานไปรษณีย์เขต 9 ที่ดูแล 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ได้แก่ สงขลา สตูล ตรัง พัทลุง ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส
• “ไปรษณีย์อนุญาต” แขนขาของชุมชนที่เข้าถึงทุกคน - ทุกบ้าน
การให้บริการไปรษณีย์จะครอบคลุม เท่าเทียม โดยไม่คำนึงถึงกำไร งานหลักของไปรษณีย์มี 2 ด้าน คือ รับฝาก - นำจ่ายจดหมายและพัสดุภัณฑ์ ซึ่งเวลานี้ครอบคลุมทุกตรอกซอกซอยทั่วประเทศ สำหรับในพื้นที่ชายแดนใต้ที่ยังเกิดสถานการณ์ความไม่สงบ การให้บริการนับว่าเป็นงานที่ต้องเอาใจใส่แบบสุด ๆ
“ไปรษณีย์อนุญาต” จะมี “บุรุษไปรษณีย์ประจำตำบล” คือทัพหน้าในการทะลุทะลวงทุกถิ่นทุรกันดารหรือเข้าถึงยาก โดยในชายแดนใต้เคยมีบุรุษไปรษณีย์เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบไปแล้ว 2 ราย เวลานี้ทุกคนจึงล้วนผ่านหลักสูตรที่มุ่งเน้นการทำความเข้าใจในยุทธศาสตร์พระราชทานในหลวง ร.๙ กล่าวคือ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และ “ห้ามสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งใดๆ” จนสามารถทำหน้าที่และอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างกลมกลืน
ชายแดนใต้มี 5 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ปัตตานี จ.ยะลา จ.นราธิวาส จ.สงขลา และ จ.สตูล มีทั้งหมด 59 อำเภอ 413 ตำบล แต่ในมิติงานบริการไปรษณีย์กำหนดไว้ที่ 3 จังหวัดคือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอีก 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา รวม 40 อำเภอ 290 ตำบล
พื้นที่ชายแดนใต้ไม่ว่าจะ 413 ตำบล หรือ 290 ตำบลก็ตาม ล้วนมีไปรษณีย์อนุญาตอยู่ครบทุกที่มีบุรุษไปรษณีย์ทำหน้าที่รับส่งทั้งจดหมายและพัสดุภัณฑ์ให้ครบทุกบ้านอย่างไม่ขาดตกบกพร่องแม้จะมีเลขที่บ้านหรือไม่มีก็ตาม เพราะทุกที่ทำการของไปรษณีย์ไทยจะมี “แผนที่” ละเอียดยิบไว้ให้ใช้ อีกทั้งยังมีเทคโนโลยียุค 4.0 ไว้ให้ “ปักหมุด” ด้วย นี่คือ “จุดแข็ง” ที่สร้างความ “ได้เปรียบ” ในการให้บริการของไปรษณีย์ไทย
• ไม่ใช่แค่ส่งจดหมาย แต่ยังเป็นช่องทางการส่งสินค้าฮาลาลเพิ่มมูลค่าให้ท้องถิ่น
จากจุดแข็งที่สร้างความได้เปรียบดังกล่าวได้แปรเป็น “ภารกิจพิเศษ” สำหรับแผ่นดินชายแดนใต้ที่ไปรษณีย์ไทยแบกรับไว้อย่างเต็มใจ อันสร้างประโยชน์ต่อสังคมปลายด้ามขวานใหญ่หลวงนั่นคือ ไปรษณีย์ไทยได้ร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ให้กำเนิด “โครงการจำหน่ายสินค้าฮาลาลชายแดนใต้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์” ที่สร้าง “คุณค่า” และ “มูลค่า” มากมายต่อเนื่องมาแล้วกว่าครึ่งทศวรรษ
ไปรษณีย์ไทยได้ร่วมหนุนช่วย “สินค้าฮาลาลชายแดนใต้” ในด้านการผลิตการตลาดรวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ มาตั้งแต่ปี 2557 โดยแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ 1. รับและส่งสินค้าโดยตรงจากแหล่งผลิตถึงมือผู้บริโภค และ 2. ช่วยประชาสัมพันธ์และรับคำสั่งซื้อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th และ www.thailandpostmart.com รวมไปถึงการทำโครงการพิเศษอีกมากมาย อาทิ โครงการ ไปรษณีย์เพิ่มสุข โครงการอร่อยทั่วไทย เป็นต้น
ทั้งนี้สำนักงานไปรษณีย์ จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส ทำหน้าที่รับขนส่งสินค้าไปวางจำหน่าย ณ ที่ทำการไปรษณีย์ 195 แห่งทั่วประเทศ
ในที่ทำการไปรษณีย์ไทย มีสินค้าฮาลาลจากชายแดนใต้วางจำหน่ายหลายอย่าง จุดสังเกตที่เห็นได้ชัดคือ “ชั้นวางสินค้าลวดลายเรือกอและ” ซึ่งมีสินค้าให้เลือกอย่างหลากหลายหากใครมีโอกาสอย่าลืมแวะมาเยี่ยมชม โดยในตอนนี้มีโครงการเข้าร่วมแล้วถึง 15 ราย ได้แก่ 1.กลุ่มลูกหยีวีระวงศ์ 2.เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนกรือโป๊ะและปลากะตัก (ข้าวเกรียบ) 3.กลุ่มแปรรูปนมแพะบูเกะบากง (สบู่) 4.กลุ่มพัฒนาแปรรูปกล้วยหินนังตา 5.หจก.เจบีโกล เบเกอรี่ (โรตีกรอบ) 6.กลุ่มแม่บ้านเกษตรอามาน๊ะ (ผงกระหรี่) 7.วิสาหกิจชุมชนกือโป๊ะตราดอกแก้ว (ข้าวเกรียบ) 8.กลุ่มข้าวเกรียบซีรีน (ข้าวเกรียบ) 9.วิสาหกิจชุมชนตลาดเกษตร (โรตีกรอบ) 10.ข้าวเกรียบปลาอ่าวมะนาว (ข้าวเกรียบ) 11.วิสาหกิจชุมชนบ้านกล้วย (กล้วยหินแปรรูป) 12.ร้านหยกสวย (ปั้นสิบไส้ปลา) 13.วิสาหกิจบุหงารายา (ข้าวเกรียบ) 14.วิสาหกิจอนุรักษ์ภูมิปัญญา (ข้าวเกรียบ) และ 15.บริษัท ชัยเจริญมารีน (2002) จำกัด (ข้าวเกรียบกุ้ง)
นอกจากการทำหน้าที่ปกติและเข้าร่วมทุกภารกิจพิเศษกับ ศอ.บต. เพื่อช่วยกระจายสินค้าฮาลาลแล้ว ยังได้เข้าร่วมภารกิจกับรัฐบาลเป็นครั้งคราวด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของการกระจายสินค้าด้านการเกษตร เพาะพืช ผัก ผลไม้ตามฤดูกาลที่มักมีปัญหาในทุกๆ ปี รวมไปถึงได้ร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ในด้านโลจิสต์ติกส์และการตลาดเสมอมา
“จุดแข็งของไปรษณีย์ไทยคือ การมีเครือข่ายทั่วประเทศกว่า 1,300 แห่ง ไม่ต้องพูดถึงพื้นที่ระดับจังหวัดและอำเภอหรอก ระดับตำบลก็สามารถกระจายได้ทั่วทุกหัวระแหง ยิ่งพื้นที่พิเศษที่มี อัตลักษณ์เฉพาะตัวอย่างจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ด้านการให้บริการของไปรษณีย์ไทยก็ยังคงครอบคลุม เท่าเทียม แบบไม่ได้คำนึงถึงผลกำไรเป็นหลัก ซึ่งเป็นการใช้ศักยภาพนี้เกื้อหนุนสังคม เพื่อเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม ที่สำคัญ... ไม่มีใครทำได้อย่างไปรษณีย์ไทยแน่นอน”