ปัตตานี - ชาวบ้านหนองจิก จ.ปัตตานี ร้องกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อ้างถูกละเมิดสิทธิกรณีเจ้าหน้าที่นำกำลังนับพันนายปิดล้อมหมู่บ้านเพื่อควบคุมตัวคนร้ายที่ซุ่มยิงทหาร ทำให้ประชาชนไม่กล้าออกไปทำงาน
วันนี้ (17 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุคนร้ายดักซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหารกองร้อยทหารพรานที่ 4303 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 4 นาย เหตุเกิดในพื้นที่ บ.บางทัน ต.บางเขา อ.หนองจิก เมื่อคืนวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยวานนี้ (16 ก.ย.) ที่มณฑลทหารบกที่ 46 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี พ.ต.อ.ขวัญดี ฉิมพลี รอง ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.ทพ.43 ได้ร่วมแถลงข่าวการออกประกาศควบคุมพื้นที่พิเศษตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ควบคุมอาวุธปืน เรือและยานพาหนะ โดยต้องนำมาลงทะเบียนกับหน่วยทหารและอำเภอที่ตั้ง เฉพาะในพื้นที่ ต.บางเขา และ ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ภายใน 7 วัน มีผลตั้งแต่ภายในวันที่ 17 ก.ย.นี้
เนื่องจากผลการปฏิบัติหลังจากหน่วยเฉพาะกิจปัตตานีได้เปิดแผนยุทธวิธีเชิงรุกวางกำลังควบคุมพื้นที่ เพื่อไล่ล่าปิดล้อมตรวจค้นกลุ่มคนร้ายซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 4303 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 4 นาย เหตุเกิดในพื้นที่ บ.บางทัน ต.บางเขา อ.หนองจิก เมื่อคืนวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยที่หน่วยกำลังร่วมทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง พร้อมอาวุธครบมือ รวมไปถึงชุดปฏิบัติการทางน้ำ จากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน และชุดปฏิบัติการทางอากาศหน่วยบิน ฉก.อโณทัย ร่วมกว่า 1,000 นาย กระจายกำลังปิดล้อมตรวจค้น และไล่ล่าคนร้ายอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามจับกุมกลุ่มก่อความไม่สงบ และคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุที่ยังคงหลบซ่อนตัวและเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ผลการปฏิบัติสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุ 8 คน
พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า จากเหตุที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ดูแลประชาชนทุกคนทุกเชื้อชาติเหมือนกันหมด และเหตุกระทำผิดต่อไปนี้ผู้เป็นพ่อเป็นแม่จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของลูกหลาน โดยกำลังตั้งทีมกฎหมายเข้ามาดูแล เพราะไม่ใช่ให้ลูกหลานไปก่อเหตุรับเงินมาให้ครอบครัวและจะถือเป็นอาชีพก็ไม่ได้ ประเทศไทยไม่ยอมรับ ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนต้องเดือดร้อน ขอให้ผู้ก่อการคิดใหม่ หันเข้ามาให้ความร่วมมือกับรัฐดีกว่า ให้มาเข้าโครงการพาคนกลับบ้าน
ส่วนใครที่ยังหลบหนีต้องสังวรณ์ ขอยืนยันว่าทั้งหมด 8 คนนี้จับกุมถูกตัวแน่นอน สำหรับพื้นที่ 2 ตำบล คือ ต.บางเขา ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก เป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษเพราะยังคงมีเจ้าหน้าที่หลายร้อยนายยังคงปฏิบัติภารกิจเชิงรุกในการกดดันปิดช่องว่างไม่ให้มีโอกาสเคลื่อนไหว หากพบก็จะดำเนินตามยุทธวิธีทันที จึงต้องขออภัยต่อประชาชนทั่วไป ซึ่งอาจจะไม่ได้รับความสะดวกต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อควบคุมพื้นที่ป้องกันไม่ให้คนร้ายก่อเหตุซ้ำอีก
จนกระทั่งล่าสุด ได้มีตัวแทนของครอบครัวผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวในพื้นที่ บ้านบางทัน บ้านท่ากำชำ ในพื้นที่ตำบลบางเขา และตำบลท่ากำชำ อ.หนองจิก จังหวัดปัตตานี จำนวน 5 ครอบครัว เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ ศูนย์ประสานงานคณะกรรมการสิทธิสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีถูกเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายควบคุมตัวกรณีต้องสงสัยกับเหตุการณ์คนร้ายซุ่มยิงทหารพราน ฉก.43 เป็นเหตุให้เจ้าหน้าทีเสียชีวิต 2 นาย และได้รับบาดเจ็บอีก 4 นาย โดยทางญาติผู้ที่ถูกควบคุมเกรงว่าคนที่ถูกควบคุมจะถูกทำร้ายเพื่อให้ยอมรับสารภาพ ซึ่งทางญาติที่เข้าร้องเรียนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นภรรยาและแม่ โดยส่วนใหญ่ต่างไม่เชื่อว่าสามี และลูกจะเป็นผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้
จากการปิดล้อมตรวจค้นของเจ้าหน้าที่จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีคนถูกควบคุมตัวในฐานะผู้ต้องสงสัย 9 คน ได้แก่ นายฟาริด เจะแต อยู่บ้านเลขที่ 4011 ม.3 ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี นายอิบรอเฮม ยูโซะ อยู่บ้านเลขที่ 63/1 ม.3 ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี นายอับดุลฮาเล็ม สาเมาะ อยู่บ้านเลขที่ 50/1 ม.3 ต.บางเขา อ.หรองจิก จ.ปัตตานี นายฮัสมิง ลาเตะ 51 ม.3 ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี นายมะฮัมดี บากา นายมามะ สะมะแอ นายฮาบีดี สุหลง แต่ได้รับการปล่อยตัวมาแล้ว
หนึ่งในภรรยาคนที่ถูกควบคุมตัว กล่าวว่า เช้าวันนี้ก็ได้เดินทางมาเยี่ยมสามีที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร เห็นสีหน้าสามีเริ่มดีขึ้น ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้อำนวยความสะดวกในการเข้าเยี่ยมสามี หลังจากนั้น จึงร่วมกันเดินทางมาร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิฯ เนื่องจากสามีถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวโดยไม่ทราบข้อกล่าวหา และเกรงว่าสามีจะถูกเจ้าหน้าที่กระทำอะไรบางอย่างให้รับสารภาพ เพราะตัวเองไม่เชื่อว่าสามีจะเป็นคนก่อเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่ของศูนย์คอยอำนวยความสะดวกในการกรอกหนังสือร้องเรียนและข้อเรียกร้อง เพื่อรวบรวมส่งไปยังคณะกรรการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อไป
ชาวบ้านที่ร้องเรียนยังได้กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมาทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดระแวงเป็นอย่างมาก เพราะไม่รู้ว่าวันไหนเจ้าหน้าที่จะเชิญตัวใครไปอีก โดยทุกวันนี้หลังเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ ตกเย็นหน่อยจะไม่มีใครกล้าที่จะเดินทางออกไปไหน และจากการที่ท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ออกข่าวว่าจะเอาผิดกับพ่อ แม่ ภรรยาหรือครอบครัวกับคนที่เกี่ยวข้อง โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะตามกฎหมายอาญาเอาผิดได้เฉพาะคนที่ทำผิดเท่านั้น หากทำแบบนั้นจริงก็สงสารคนที่ไม่รู้เรื่อง
นอกจากนั้น ชาวบ้านยังได้กล่าวอีกว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่นำกำลังนับพันปิดล้อมหมู่บ้าน จนสภาพในหมู่บ้านเห็นแต่เจ้าหน้าที่แต่งชุดดำมีอาวุธครบมือ เต็มไปหมด เกิดความหวาดกลัว ถึงกับชาวบ้านบางคนวิตกจนไม่กล้าออกไปทำงาน โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ที่นี่ประกอบอาชีพทำประมง จะออกในช่วงเวลากลางคืน ช่วงเวลาดึกตามกระแสของน้ำขึ้นน้ำลง จึงอยากให้คำนึงในส่วนนี้ด้วย