โดย...เมธี เมืองแก้ว
___________________________________________________________
ถือเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยของ “จ๊ะต๋อย” หรือ “ช่อทิพย์ จิตรเที่ยง” สาวใหญ่คนสวย ชาว ต.ตะเสะ อ.หาดสำราญ สำหรับการพาครอบครัวมาเช่าบ้านอยู่ในตัวเมืองตรัง และต้องต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ จนกลายเป็นร้านจำหน่ายอาหารทะเลสดที่ขึ้นชื่อ และมีลูกค้ามาจากทั่วทุกสารทิศในเวลานี้ ที่มีชื่อตามภาษาใต้ว่า “ขนมจีนทะเลเดือดคลั๊กๆ” หรือแปลได้ว่า ขนมจีนทะเลเดือดเยอะๆ ตั้งอยู่บนถนนวัดคลองน้ำเจ็ด ฝั่งซ้ายมือ ช่วงก่อนถึงสี่แยกสาริการาม หรือเลยสี่แยกต้นสมอไปประมาณ 100 เมตร
ก่อนหน้านี้ เมื่อหลายเดือนก่อน เธอได้มาเริ่มเปิดขายขนมจีน ที่บริเวณปากทางเข้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตตรัง โดยมีลูกค้ามาอุดหนุนอย่างหนาแน่น ถึงแม้จะต้องนั่งกินบนเสื่อบนทางเท้าก็ตาม แต่กลับได้บรรยากาศที่ชิลชิลเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจุดเริ่มต้นของเมนูดังกล่าว เกิดขึ้นนับตั้งแต่เธอยังอาศัยอยู่ที่บ้านเดิมริมฝั่งทะเลอันดามัน จึงมักจะทำขนมจีนสูตรเด็ดที่สืบทอดมาจากคุณยาย เพื่อทานกันเป็นประจำในกลุ่มพี่น้องชาวมุสลิม และอร่อยเด็ดเหนือกว่าที่อื่นใด เพราะได้กุ้งหอยปูปลาสดๆ มาเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุง
“จ๊ะต๋อย” บอกว่า เมื่อตนตัดสินใจเปิดร้าน “ขนมจีนทะเลเดือดคลั๊กๆ” จึงพยายามสร้างความแตกต่างกว่าร้านขนมจีนทั่วไป ตรงที่มิได้มีการนำเอาเฉพาะเนื้อปู หรือเนื้อกุ้ง มาผสมลงไปในน้ำแกงเท่านั้น แต่จะเป็นการยกอาหารทะเลสดๆ เป็นตัวๆ เช่น ปูม้า กุ้งทะเล หมึก หอยแมลงภู่ หอยลาย โดยเฉพาะไข่ปู หรือไข่หมึก มาใส่ลงไปแบบล้นจาน และขายในราคาเพียง 79 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าคุ้มค่าสำหรับลูกค้าเมื่อเทียบกับความอร่อยแบบเต็มอิ่มเต็มคำ และน่าจะเป็นร้านขนมจีนเจ้าเดียวในประเทศไทยที่กล้าทำเช่นนี้
นอกจากนั้น ตนเองยังได้เปรียบตรงที่สามารถสั่งอาหารทะเลสดๆ จากแถวบ้านเกิดส่งตรงมาถึงร้านได้เลยแบบวันต่อวัน เมื่อนำมาปรับให้มีรสชาติที่ไม่เผ็ดจนเกินไป ผสมผสานกับความหอมของเครื่องแกง จึงทำให้ขนมจีนสูตรนี้เป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกค้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจ คนทำงาน นักศึกษา และนักท่องเที่ยว จึงมียอดขายค่อนข้างดีถึงวันละหลายร้อยจาน และสร้างรายได้ให้หลักหมื่นบาท เมื่อหักกับต้นทุนที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอาหารทะเลราวๆ 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว ก็ยังเหลือเงินพอเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบาย
อย่างไรก็ตาม แม้ทำเลของร้านที่บริเวณปากทางเข้า ม.อ.วิทยาเขตตรัง จะดีสักเพียงใด แต่ในช่วงหน้าฝนบางวันก็เกิดอุปสรรค เนื่องจากร้านตั้งอยู่กลางแจ้ง จนต้องขายๆ หยุดๆ ดังนั้น “จ๊ะต๋อย” จึงตัดสินใจไปเปิดสาขา 2 ที่ห้องแถวบนถนนวัดคลองน้ำเจ็ด ในตัวเมืองตรัง ซึ่งสามารถเปิดขายได้ตั้งแต่ 09.00-21.00 น. หรือของหมด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องดินฟ้าอากาศ ขณะที่ลูกค้าเองก็สามารถนั่งทานขนมจีนได้อย่างสบายใจ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสาขา 1 ก็ยังคงให้ลูกๆ ไปช่วยกันเปิดร้านตามโอกาสที่ฟ้าฝนเป็นใจ
สำหรับเมนูก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมเพื่อให้หลากหลายมากขึ้น เช่น น้ำแกงกรรเชียงปูก้าม ปูไข่ ปูม้ากุ้ง ปลาหมึก หอย ไข่ปลา จานละ 129 บาท แต่ก็ยังคงมีน้ำแกงกะทิปลา/แกงไตปลา ขายในราคาจานละ 20 บาท สำหรับรองรับลูกค้าอีกกลุ่ม รวมทั้งมีเมนูอาหารทะเลเด็ดๆ อีกเพียบ เช่น แกงปูม้า ปูม้าต้มกะทิ ปูม้าผัดผงกะหรี่ แกงส้มต้มยำ ผัดฉ่าทะเล หมึกผัดน้ำดำ หมึกผัดไข่เค็ม กุ้งผัดเห็ดเข็ม ไข่ปูผัดเห็ดเข็ม แกงหอยขาไก่ ตลอดจนข้าวผัดไข่ปู หรืออาหารจานเดียว อย่างผัดเครื่องแกง ผัดพริก ผัดกะเพราราดข้าว
นอกจากนั้น ยังเปิดรับออเดอร์ปูม้าสดๆ เป็นๆ รับประกันเนื้อแน่นๆ หวานๆ ไข่เน้นๆ ทุกตัว ในราคาไม่แพงกว่าท้องตลาด แต่มีความสดกว่า พร้อมบริการต้มสุกและน้ำจิ้มรสเด็ด ขณะเดียวกัน ก็พยายามจัดโปรโมชันต่างๆ เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขาย และตอบแทนลูกค้าขาประจำ อย่างเช่น กดไลก์กดแชร์แท็กเพื่อน 2 คน รับส่วนลดจากทางร้านทันที 10 เปอร์เซ็นต์ทุกเมนู ซึ่งก็ยิ่งทำให้ขายดียิ่งขึ้น แถมยังมีลูกค้ามาจากหลายที่หลายแห่งทั่วประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะชาวกรุงเทพฯ หรือชาวภาคกลาง นอกเหนือไปจากลูกค้าชาวใต้ด้วยกัน
“ครรชิต ช่วยดู” ครูหนุ่มโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในตัวเมืองตรัง เป็นหนึ่งในลูกค้าขาประจำที่พาครอบครัวและเพื่อนฝูงมาทานขนมจีนที่ร้านนี้หลายครั้งแล้ว เนื่องจากติดใจในรสชาติที่อร่อย และความสดของอาหารทะเล โดยที่ไม่ได้รู้สึกว่าแพงอะไรเลย แต่กลับเห็นว่าคุ้มค่าด้วยซ้ำไป อีกทั้งจากการที่เขาได้ไปทานขนมจีนมาหลายที่ ก็ยังไม่เคยเจอะเจอว่าที่ใดจะให้อาหารทะเลมากจนล้นจานเช่นนี้ แถมยังมีหลายอย่างด้วย พร้อมทั้งยังมีบรรยากาศที่น่านั่งแบบสบายๆ จึงไม่แปลกที่จะได้รับความนิยมจากลูกค้ามากมายเช่นนี้
สำหรับผู้ที่สนใจจะแวะไปชิม “ขนมจีนทะเลเดือดคลั๊กๆ” ทั้ง 2 สาขา ติดต่อติดตามได้ทางเฟซบุ๊ก Chotip Jitthang หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่ 09-8049-5349