ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เรือหางยาวซึ่งเป็นเรือประมงพื้นบ้านถูกคลื่นซัดท้ายเรือจนเรือล่ม ขณะออกไปวางลอบดักปูกลางทะเลสาบสงขลา ทำให้มีผู้จมน้ำเสียชีวิต 1 ราย
วันนี้ (13 ก.ย.) เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุเรือประมงพื้นบ้านซึ่งเป็นเรือหางยาวล่มกลางทะเลสาบสงขลา มีผู้สูญหาย 1 คน และรอดมาได้ 3 คน หลังเกิดเหตุทางตำรวจน้ำสงขลา ได้นำเรือออกค้นหาร่วมกับชาวบ้าน ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งการค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากเป็นเวลากลางคืน ไม่สามารถหาพิกัดที่ชัดเจนได้ เจ้าหน้าที่จึงต้องยกเลิกภารกิจในการค้นหา และจะออกค้นหาต่อในช่วงเช้าของวันนี้
จนกระทั่งล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (13 ก.ย.) ทางตำรวจน้ำสงขลา พร้อมด้วย นายไพศาล เจริญรุ่ง อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่รอดชีวิตได้ออกไปค้นหาร่างของ นางกุหลาบ อีกครั้งบริเวณจุดที่เรือจม ก็พบร่างของ นางกุหลาบ ที่เสียชีวิตจมอยู่ในน้ำ และติดกับเรือที่จม เนื่องจากขณะเกิดเหตุ นายไพศาล ได้ใช้เชือกผูกข้อมือนางกุหลาบ ติดไว้กับเรือเพื่อไม่ให้ถูกคลื่นซัดไปไกล เจ้าหน้าที่จึงได้นำร่างกลับขึ้นฝั่งที่บริเวณวัดเขาบ่อ ในพื้นที่หมู่ 1 ต.เกาะยอ อ.เมืองสงขลา ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้ที่สุด และให้ญาตินำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
จากการสอบถาม นายไพศาล เจริญรุ่ง อายุ 52 ปี หนึ่งใน 4 คนที่รอดจากเหตุการณ์เรือล่ม กล่าวว่า ตนและครอบครัวของผู้เสียชีวิต รวม 4 คน ได้นำเรือออกจากท่าเรือบริเวณสวนสาธารณะ 72 พรรษา อ.เมืองสงขลา โดยมีครอบครัว นายประวิทย์ คงทอง และนางกุหลาบ คงทอง 2 สามีภรรยา พร้อมลูกสาวอายุประมาณ 5 ขวบไปด้วย เพื่อไปวางลอบดักปูในทะเลสาบสงขลา ขณะเดียวกันได้เกิดลมกระโชกแรงทำให้เกิดคลื่นสูงกว่า 1 เมตร ซัดเข้าบริเวณท้ายเรือจนเรือล่ม
“ตนเองจะพยายามช่วยเหลือพ่อแม่ลูกทั้ง 3 ชีวิต ซึ่งว่ายน้ำไม่เป็น จนสามารถช่วยเหลือ นายประวิทย์ และลูกสาวเอาไว้ได้ ส่วนนางกุหลาบ ช่วยไม่ได้ได้จมน้ำเสียชีวิต ก่อนที่จะมีเรือประมงด้วยกันเข้ามาช่วยเหลือนำตัวขึ้นบนฝั่ง” นายไพศาล เจริญรุ่ง กล่าว
