กระบี่ - สามล้อพ่วงข้างกระบี่ กว่า 100 คัน รวมตัวยื่นหนังสือคัดค้านบังคับใช้กฎหมายห้ามวิ่งบริการนักท่องเที่ยว อ้างทำมาหลายสิบปี รู้ว่าผิดแต่จำเป็นต้องทำเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (6 ก.ย.) กลุ่มผู้ขับขี่รถ จยย.รับจ้างพ่วงข้าง ในพื้นที่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ประมาณ 100 คัน นำโดย นายสมเกียรติ สายนุ้ย ประธานชมรมสามล้ออ่าวนาง ได้รวมตัวขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง เดินทางมายังศาลากลาง จ.กระบี่ เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ผ่าน พ.ต.ท.ม.ล.กิตติบดี ประวิตร ผวจ.กระบี่ โดยมี นายสมปอง รัตนะ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ เป็นผู้รับมอบหนังสือจากชมรมฯ พร้อมทั้งรับปากว่าจะนำเรื่องแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบ เพื่อหาหนทางเยียวยาแก้ไขปัญหา
นายสมเกียรติ กล่าวว่า สาเหตุที่พวกตนต้องมายื่นหนังสือในครั้งนี้ ก็เพราะอาชีพขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับจ้าง เป็นอาชีพที่พวกตนทำกันมานานหลายสิบปีแล้ว โดยคนขับขี่ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่อย่างแท้จริง พวกตนเข้าใจว่ารถที่ใช้รับจ้างเป็นรถที่ผิดกฎหมาย แต่พวกตนก็จำเป็นต้องใช้ในการทำมาหากิน อยากให้รัฐช่วยเหลือด้วยการแก้ไขกฎข้อบังคับ หรือทำอย่างหนึ่งอย่างใดให้พวกตนได้ประกอบอาชีพอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
พวกตนเองก็อยากทำให้ถูกต้อง แต่หากสั่งให้เลิกใช้รถดังกล่าววิ่ง พวกตนก็ไม่มีหนทางจะทำอาชีพอื่น ทำให้ต้องขาดรายได้ ซึ่งปัจจุบันสมาชิกในกลุ่มมีกัน 140 ราย วิ่งให้บริการนักท่องเที่ยวในพื้นที่อ่าวนาง เท่านั้น
และนักท่องเที่ยวเองก็ชื่นชอบที่จะใช้บริการ ที่ผ่านมา ก็ไม่สร้างปัญหาให้แก่สังคม รถโดยสารของพวกตนก็ไม่เคยพานักท่องเที่ยวไปประสบอุบัติเหตุที่รุนแรงใดๆ จึงอยากให้รัฐบังคับใช้กฎหมายให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตาม หากทางภาครัฐยืนยันที่จะบังคับใช้กฎหมายตามเวลาที่กำหนดจริง พวกตนก็จำเป็นต้องฝ่าฝืนให้บริการต่อไป แม้จะต้องถูกจับดำเนินคดีก็ตาม
ทั้งนี้ คำสั่งให้รถ จยย.แบบสามล้อพ่วงข้าง หยุดให้บริการรับจ้างขนส่งผู้โดยสาร เป็นมติของที่ประชุมคณะทำงานที่ตั้งขึ้นโดย พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาค 4 ตามแนวทางการจัดระเบียบรถรับจ้างสาธารณะ ซึ่งคณะกรรมการในระดับจังหวัด มีมติให้รถประเภทนี้หยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ เนื่องจากรถประเภทนี้เป็นรถที่มีการดัดแปลง เปลี่ยนแปลงสภาพ และนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ตามกฎหมายการคมนาคมขนส่ง
ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการผ่อนผันให้รถประเภทนี้วิ่งให้บริการได้ กระทั่งล่าสุดที่ประชุมมีมติเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่กังวลว่าจะไม่มีอาชีพรองรับ และไม่สามารถหาเงินรายได้ทางอื่นมาเลี้ยงครอบครัวได้
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (6 ก.ย.) กลุ่มผู้ขับขี่รถ จยย.รับจ้างพ่วงข้าง ในพื้นที่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ประมาณ 100 คัน นำโดย นายสมเกียรติ สายนุ้ย ประธานชมรมสามล้ออ่าวนาง ได้รวมตัวขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง เดินทางมายังศาลากลาง จ.กระบี่ เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ผ่าน พ.ต.ท.ม.ล.กิตติบดี ประวิตร ผวจ.กระบี่ โดยมี นายสมปอง รัตนะ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ เป็นผู้รับมอบหนังสือจากชมรมฯ พร้อมทั้งรับปากว่าจะนำเรื่องแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบ เพื่อหาหนทางเยียวยาแก้ไขปัญหา
นายสมเกียรติ กล่าวว่า สาเหตุที่พวกตนต้องมายื่นหนังสือในครั้งนี้ ก็เพราะอาชีพขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับจ้าง เป็นอาชีพที่พวกตนทำกันมานานหลายสิบปีแล้ว โดยคนขับขี่ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่อย่างแท้จริง พวกตนเข้าใจว่ารถที่ใช้รับจ้างเป็นรถที่ผิดกฎหมาย แต่พวกตนก็จำเป็นต้องใช้ในการทำมาหากิน อยากให้รัฐช่วยเหลือด้วยการแก้ไขกฎข้อบังคับ หรือทำอย่างหนึ่งอย่างใดให้พวกตนได้ประกอบอาชีพอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
พวกตนเองก็อยากทำให้ถูกต้อง แต่หากสั่งให้เลิกใช้รถดังกล่าววิ่ง พวกตนก็ไม่มีหนทางจะทำอาชีพอื่น ทำให้ต้องขาดรายได้ ซึ่งปัจจุบันสมาชิกในกลุ่มมีกัน 140 ราย วิ่งให้บริการนักท่องเที่ยวในพื้นที่อ่าวนาง เท่านั้น
และนักท่องเที่ยวเองก็ชื่นชอบที่จะใช้บริการ ที่ผ่านมา ก็ไม่สร้างปัญหาให้แก่สังคม รถโดยสารของพวกตนก็ไม่เคยพานักท่องเที่ยวไปประสบอุบัติเหตุที่รุนแรงใดๆ จึงอยากให้รัฐบังคับใช้กฎหมายให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตาม หากทางภาครัฐยืนยันที่จะบังคับใช้กฎหมายตามเวลาที่กำหนดจริง พวกตนก็จำเป็นต้องฝ่าฝืนให้บริการต่อไป แม้จะต้องถูกจับดำเนินคดีก็ตาม
ทั้งนี้ คำสั่งให้รถ จยย.แบบสามล้อพ่วงข้าง หยุดให้บริการรับจ้างขนส่งผู้โดยสาร เป็นมติของที่ประชุมคณะทำงานที่ตั้งขึ้นโดย พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาค 4 ตามแนวทางการจัดระเบียบรถรับจ้างสาธารณะ ซึ่งคณะกรรมการในระดับจังหวัด มีมติให้รถประเภทนี้หยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ เนื่องจากรถประเภทนี้เป็นรถที่มีการดัดแปลง เปลี่ยนแปลงสภาพ และนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ตามกฎหมายการคมนาคมขนส่ง
ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการผ่อนผันให้รถประเภทนี้วิ่งให้บริการได้ กระทั่งล่าสุดที่ประชุมมีมติเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่กังวลว่าจะไม่มีอาชีพรองรับ และไม่สามารถหาเงินรายได้ทางอื่นมาเลี้ยงครอบครัวได้
