ตรัง - ผู้การนครศรีฯ และ ผกก.สภ.ปากพนัง เข้าช่วยเหลือ 7 ชีวิตครอบครัวนักธุรกิจส่งออกส้มโอทับทิมสยาม ที่หลบหนีจาก จ.นครศรีธรรมราช มายัง จ.ตรัง หลังถูกลูกเขยแท้ๆ ขู่ฆ่าหมดยกครัว ด้านตำรวจเร่งติดตามจับกุมตัวเต็มที่
วันนี้ (25 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ร.15 พัน 4 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง พล.ต.ต.วันไชย เอกภรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.วสันต์ พวงน้อย ผู้กำกับการ สภ.ปากพนัง เดินทางเข้าเจรจากับครอบครัว 7 ชีวิต นำโดย นายสำเร็จ กุลคง อายุ 79 ปี เกษตรกร และนักธุรกิจส่งออกส้มโอทับทิมสยาม รายใหญ่ ชาว อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ที่ต้องหลบหนีการถูกตามขู่ฆ่ายกครัวจาก นายวิรัตน์ สุขแสง อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นลูกเขยในครอบครัวแท้ๆ
โดยมี นางกมลทิพย์ กุลคง ภรรยาของ นายวิรัตน์ พร้อมด้วยพี่สาวที่หลบหนีมาด้วยกัน เป็นคนออกมาเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนั้น ยังมี พ.อ.พีรพงศ์ วัลลภาทิตย์ ผบ.ร.15 พัน 4 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ จ.ตรัง พ.อ.สุริยา ช่วยบำรุง ตัวแทนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จ.ตรัง นายณัฐวุฒิ สังข์สุข ป้องกัน จ.ตรัง และ ร.อ.นิพนธ์ สุขศรีราช หัวหน้าชุดรักษาความสงบ ร.15 พัน 4 เข้าร่วมรับฟังด้วย
พล.ต.ต.วันไชย เอกภรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช กล่าวยอมรับว่า นายวิรัตน์ ลูกเขยของครอบครัวนี้ติดยาเสพติดอย่างรุนแรง พร้อมยืนยันปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว และเบื้องต้น ทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความในข้อหาทำร้ายร่างกายเท่านั้น ซึ่งทาง สภ.ปากพนัง จะดำเนินการไปตามกรอบอำนาจ พร้อมให้ส่งพนักงานสอบสวน และนักจิตวิทยามาร่วมสอบปากคำทั้ง 7 ชีวิต และทำสำนวนเพิ่มเติม ด้วยการเพิ่มข้อหาพยายามฆ่าเข้าไปด้วย จากเดิมที่ตั้งข้อหาแค่ครอบครองอาวุธปืน และทำร้ายร่างกาย โดยรับปากจะเร่งจับกุมผู้ต้องหาให้ได้โดยเร็วที่สุด
แต่ตอนนี้ทราบว่าปิดโทรศัพท์มือถือหลบหนีไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจเช็กได้ ไม่มีปัญหา ล่าสุด ผู้ต้องหามีการติดต่อมายังผู้กำกับการ สภ.ปากพนัง ว่า จะมอบตัว แต่ก็ยังไม่มา ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งชุดติดตามอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่จะให้ทั้ง 7 ชีวิต ไปพักอาศัยอยู่ภายในมณฑลทหารบกที่ 41 หรือกองบังคับการตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช หรือไม่ เพื่อความปลอดภัยนั้น ขอให้เป็นเรื่องของฝ่ายผู้เสียหายที่จะตัดสินใจด้วยความสมัครใจ และสบายใจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมจะดำเนินการให้เต็มที่
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องจากกรณีที่ นายสำเร็จ กุลคง อายุ 79 ปี ซึ่งประกอบอาชีพเป็นเกษตรกร และนักธุรกิจส่งออกส้มโอทับทิมสยาม รายใหญ่ ชาว อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมครอบครัว ซึ่งประกอบด้วย ภรรยา ลูกสาวอีก 2 คน และหลานชาย วัย 15 ปี และหลานสาวฝาแฝด วัย 10 ปี รวม 7 ชีวิต ต้องหลบหนีตายอย่างหัวซุกหัวซุนข้ามจังหวัดจาก จ.นครศรีธรรมราช มุ่งหน้ามาขอความช่วยเหลือจาก นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง
หลังถูก นายวิรัตน์ สุขแสง อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นลูกเขย และสามีของ นางกมลทิพย์ กุลคง และเป็นพ่อของลูกชาย และลูกสาวฝาแฝดทั้ง 3 คน รวมทั้งยังเป็นคนที่มีชื่อเสียง และกว้างขวางคนหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช และมีตำแหน่งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) สภ.ปากพนัง ได้ลงมือทำร้ายร่างกาย ทั้งการตบตีภรรยา และจ่อยิง แต่กระสุนปืนด้าน พร้อมข่มขู่ฆ่าลูก พ่อตา แม่ยาย และทุกคนให้ตายยกครัวมายาวนานหลายปี สาเหตุเพราะติดยาเสพติดอย่างรุนแรงมายาวนาน จนเกิดอาการหลอน และหวาดระแวง จนสั่งห้ามไม่ให้ทุกคนในครอบครัวออกไปธุระนอกบ้านหากไม่จำเป็น แม้กระทั่งไม่ให้เด็กๆ ไปเรียนพิเศษ
โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา นายวิรัตน์ ได้ลากตัว นางกมลทิพย์ ภรรยา ขึ้นรถกลับบ้านระหว่างที่ภรรยาออกไปรับลูกที่โรงเรียน จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนตบตี และใช้อาวุธปืนจ่อศีรษะลากตัวกลับมาทำร้ายร่างกายภายในบ้าน รวมทั้งอาวุธมีดจี้ที่บริเวณคอจนบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่ นายวิรัตน์ รีบออกไปทำธุระนอกบ้าน หลังจากได้รับโทรศัพท์ พร้อมกับข่มขู่ก่อนออกจากบ้านว่า กลับมาจะยิงทิ้งทั้งครอบครัว แต่รอให้ลูกๆ กลับมาพร้อมหน้ากันก่อน
จากนั้นทุกคนในครอบครัว นำโดย นายสำเร็จ พ่อตา ก็ได้อาศัยจังหวะดังกล่าวรีบพาทุกคนในครอบครัวหนีออกจากบ้านด้วยเสื้อผ้าชุดเดียว ขณะที่เด็กๆ ก็หนีออกมาทั้งชุดนักเรียน จากนั้นได้พานางกมลทิพย์ ไปตรวจร่างกาย พบว่าบริเวณใบหน้าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ก่อนเข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.ปากพนัง
หลังจากนั้น ทั้ง 7 ชีวิต ก็พากันหลบหนีกันไปเรื่อยๆ โดยที่เด็กๆ ต้องขาดเรียนมาแล้วนับสัปดาห์ ขณะที่ นายวิรัตน์ พร้อมพวกก็ได้พยายามติดตามไล่ล่า และส่งข้อความหาลูกๆ เป็นระยะๆ ว่าจะฆ่าทิ้งให้หมด จนกระทั่งทุกคนต้องหนีเข้ามาขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ดังกล่าว
 
                    

