กระบี่ - ‘ชวน ภูเก้าล้วน’ ขอสู้คดีเกาะปอดะ จนถึงฎีกาอีกรอบ หลังศาลแพ่งพิพากษาอุทธรณ์ยกฟ้องกรมอุทยานฯ พร้อมน้อมรับคำตัดสิน ยันครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ก่อนถูกเพิกถอนสิทธิ
ภายหลังจากที่ศาลแพ่งอุทธรณ์ภาค 8 ได้อ่านคำพิพากษา ในคดีที่ นายชวน ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ และเป็นผู้ครอบครองที่ดินบนเกาะปอดะ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมพวก 3 คน ในคดีแพ่ง หมายเลขดำที่ 115/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 525/60 เรื่องฟ้องขับไล่และสิทธิครอบครองพื้นที่เกาะปอดะ ตำบลอ่าวนาง อ.เมืองกระบี่
หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2560 ศาลชั้นต้นในคดีแพ่ง ได้พิพากษาให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ แพ้คดีแพ่งพิพาทการครอบครองที่ดินเกาะปอดะ ต่อมา เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลแพ่งอุทธรณ์ ภาค 8 ได้พิพากษากลับให้ยกฟ้องจำเลยในคดีดังกล่าว โดยให้โจทก์ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสามเป็นเงิน 500,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีอีก 400,000 บาท
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (17 ส.ค.) นายชวน ภูเก้าล้วน โจทก์ในคดีแพ่งดังกล่าว เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวก่อนเป็นประธานการแถลงข่าวจัดแข่งขันมวย ศึกรวมพลคนรักกระบี่ ชิงแชมป์โลก ขึ้นที่วิทยาลัยเทคนิคกระบี่ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ภายหลังทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ว่า ในส่วนของการต่อสู้คดี ตนก็ได้มอบหมายให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการไปตามขั้นตอน โดยจะต่อสู้คดีจนถึงศาลฎีกา ไม่ว่าศาลจะตัดสินคดีออกมาอย่างไร ก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาล ซึ่งตัวของตนเองก็พร้อมรับคำตัดสิน
ทุกวันนี้ไม่ได้ยึดติดในสิ่งเหล่านี้ และเป็นสิ่งนอกกาย ที่ต้องต่อสู้เพราะที่ดินผืนดังกล่าวที่ตนครอบครองจนถูกกรมอุทยานฯ ฟ้อง ตนไม่ได้บุกรุก ซึ่งได้ซื้อต่อมาจากบุคคลอื่นอีกทอดหนึ่ง และกรมที่ดินได้ออกเอกสารสิทธิให้ตนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากนี้ ตั้งใจจะทำงานเพื่อส่วนรวมให้ดีที่สุด เพราะเดิมตั้งใจจะพัฒนาให้เกาะปอดะ เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญของ จ.กระบี่ เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่นักท่องเที่ยวได้ไปเที่ยวชม แม้ผลคดีจะออกมาว่าตนผิด ก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว
แต่อาจจะเป็นเพราะมีพยานหลักฐานไปต่อสู้ในชั้นศาลไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าได้ซื้อที่ดินดังกล่าวมาตามขั้นตอนถูกต้อง และดำเนินการการซื้อขายตามระเบียบปฏิบัติทุกอย่าง ได้มาอย่างชอบธรรมทุกอย่าง
ด้าน นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทนายความของ นายชวน ภูเก้าล้วน เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวานนี้ ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินให้แพ้คดี ทางทีมทนายความก็เตรียมที่จะฎีกาสู้คดีต่อ โดยจะไปขอคัดคำพิพากษาเพื่อมาดูข้อกฎหมายต่างๆ ที่เป็นสาเหตุให้แพ้คดี และข้อบกพร่องต่างๆ เพื่อจะยื่นฎีกาต่อไป
ซึ่งก็รวมถึงคดีอาญาที่ นายชวน ถูกกรมอุทยานฯ ฟ้องและได้มีการตัดสินของศาลอุทธรณ์ไปเมื่อวันที่ 1 พ.ค.61 ที่ผ่านมา ซึ่งศาลตัดสินให้จำคุกลูกความ 3 ปี 6 เดือนนั้น ขณะนี้ก็ได้ขอขยายเวลาในการฎีกาเช่นกัน
สำหรับการฟ้องร้องที่ดินเกาะปอดะนั้น เป็นคดียาวนานมาตั้งแต่ปี 2528 ทางกรมอุทยานฯ ได้ฟ้องร้อง นายชวน ว่าครอบครอง น.ส.3 ก. รวม 4 ฉบับ เนื้อที่กว่า 50 ไร่ ที่ออกโดยมิชอบ ขณะที่ นายชวน ได้เข้าไปก่อสร้างรีสอร์ตบนเกาะ กระทั่งวันที่ 30 ธ.ค.54 ศาลฎีกาได้ตัดสินให้ นายชวน แพ้คดี ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและให้บริวารออกจากพื้นที่ จนปี 2557 ทางกรมอุทยานฯ จึงเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ต่อมา นายชวน ได้อ้างเอกสาร ส.ค.1 อีก 1 ใบว่าครอบครองมาก่อนแล้วลงไปปักรั้วลวดหนาม จึงเกิดการฟ้องร้องกันทั้ง 2 ฝ่ายมาอย่างต่อเนื่อง
ภายหลังจากที่ศาลแพ่งอุทธรณ์ภาค 8 ได้อ่านคำพิพากษา ในคดีที่ นายชวน ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ และเป็นผู้ครอบครองที่ดินบนเกาะปอดะ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมพวก 3 คน ในคดีแพ่ง หมายเลขดำที่ 115/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 525/60 เรื่องฟ้องขับไล่และสิทธิครอบครองพื้นที่เกาะปอดะ ตำบลอ่าวนาง อ.เมืองกระบี่
หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2560 ศาลชั้นต้นในคดีแพ่ง ได้พิพากษาให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ แพ้คดีแพ่งพิพาทการครอบครองที่ดินเกาะปอดะ ต่อมา เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลแพ่งอุทธรณ์ ภาค 8 ได้พิพากษากลับให้ยกฟ้องจำเลยในคดีดังกล่าว โดยให้โจทก์ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสามเป็นเงิน 500,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีอีก 400,000 บาท
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (17 ส.ค.) นายชวน ภูเก้าล้วน โจทก์ในคดีแพ่งดังกล่าว เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวก่อนเป็นประธานการแถลงข่าวจัดแข่งขันมวย ศึกรวมพลคนรักกระบี่ ชิงแชมป์โลก ขึ้นที่วิทยาลัยเทคนิคกระบี่ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ภายหลังทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ว่า ในส่วนของการต่อสู้คดี ตนก็ได้มอบหมายให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการไปตามขั้นตอน โดยจะต่อสู้คดีจนถึงศาลฎีกา ไม่ว่าศาลจะตัดสินคดีออกมาอย่างไร ก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาล ซึ่งตัวของตนเองก็พร้อมรับคำตัดสิน
ทุกวันนี้ไม่ได้ยึดติดในสิ่งเหล่านี้ และเป็นสิ่งนอกกาย ที่ต้องต่อสู้เพราะที่ดินผืนดังกล่าวที่ตนครอบครองจนถูกกรมอุทยานฯ ฟ้อง ตนไม่ได้บุกรุก ซึ่งได้ซื้อต่อมาจากบุคคลอื่นอีกทอดหนึ่ง และกรมที่ดินได้ออกเอกสารสิทธิให้ตนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากนี้ ตั้งใจจะทำงานเพื่อส่วนรวมให้ดีที่สุด เพราะเดิมตั้งใจจะพัฒนาให้เกาะปอดะ เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญของ จ.กระบี่ เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่นักท่องเที่ยวได้ไปเที่ยวชม แม้ผลคดีจะออกมาว่าตนผิด ก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว
แต่อาจจะเป็นเพราะมีพยานหลักฐานไปต่อสู้ในชั้นศาลไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าได้ซื้อที่ดินดังกล่าวมาตามขั้นตอนถูกต้อง และดำเนินการการซื้อขายตามระเบียบปฏิบัติทุกอย่าง ได้มาอย่างชอบธรรมทุกอย่าง
ด้าน นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทนายความของ นายชวน ภูเก้าล้วน เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวานนี้ ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินให้แพ้คดี ทางทีมทนายความก็เตรียมที่จะฎีกาสู้คดีต่อ โดยจะไปขอคัดคำพิพากษาเพื่อมาดูข้อกฎหมายต่างๆ ที่เป็นสาเหตุให้แพ้คดี และข้อบกพร่องต่างๆ เพื่อจะยื่นฎีกาต่อไป
ซึ่งก็รวมถึงคดีอาญาที่ นายชวน ถูกกรมอุทยานฯ ฟ้องและได้มีการตัดสินของศาลอุทธรณ์ไปเมื่อวันที่ 1 พ.ค.61 ที่ผ่านมา ซึ่งศาลตัดสินให้จำคุกลูกความ 3 ปี 6 เดือนนั้น ขณะนี้ก็ได้ขอขยายเวลาในการฎีกาเช่นกัน
สำหรับการฟ้องร้องที่ดินเกาะปอดะนั้น เป็นคดียาวนานมาตั้งแต่ปี 2528 ทางกรมอุทยานฯ ได้ฟ้องร้อง นายชวน ว่าครอบครอง น.ส.3 ก. รวม 4 ฉบับ เนื้อที่กว่า 50 ไร่ ที่ออกโดยมิชอบ ขณะที่ นายชวน ได้เข้าไปก่อสร้างรีสอร์ตบนเกาะ กระทั่งวันที่ 30 ธ.ค.54 ศาลฎีกาได้ตัดสินให้ นายชวน แพ้คดี ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและให้บริวารออกจากพื้นที่ จนปี 2557 ทางกรมอุทยานฯ จึงเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ต่อมา นายชวน ได้อ้างเอกสาร ส.ค.1 อีก 1 ใบว่าครอบครองมาก่อนแล้วลงไปปักรั้วลวดหนาม จึงเกิดการฟ้องร้องกันทั้ง 2 ฝ่ายมาอย่างต่อเนื่อง
