นครศรีธรรมราช - กระทรวงพลังงาน เร่งแก้ปัญหาโรงไฟฟ้าพลังน้ำชุมชนบ้านวังลุง จ.นครศรีฯ ที่ใช้งบกว่า 28 ล้านบาท แต่ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้กว่า 6 ปี ขณะที่นักกฎหมายชี้เป็นข้ออ้างของกระทรวงฯ เรื่องความขัดแย้งของเจ้าของที่ดินเพื่อซื้อเวลา
หลังจากการเสนอประเด็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำชุมชนบ้านวังลุง ต.ทอนพงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ถูกสร้างด้วยงบประมาณจากกระทรวงพลังงาน กว่า 28 ล้านบาท โดยมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าตัวละ 66.5 กิโลวัตต์ จำนวน 2 ตัว ถูกสร้างทิ้งไว้ถึง 6 ปี ทั้งที่มีสภาพสมบูรณ์ แต่กลับไม่สามารถผลิตไฟฟ้าเข้าสู่ระบบจำหน่ายได้ ต่อมา กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ได้ชี้แจงอ้างว่าที่ดินที่สร้างโรงไฟฟ้ามีปัญหาความขัดแย้งของครอบครัวผู้ที่อุทิศที่ดิน ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้
โดยวานนี้ (15 ส.ค.) ตัวแทนกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายสุรเชษฐ์ หรดี พลังงานจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เข้าหารือร่วมกับชุมชนเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่ง นายเฉลิม กาญจนพิทักษ์ ผู้นำชุมชน พร้อมด้วย นายเชาว์ คีรีนารถ เจ้าของที่ดินผู้อุทิศให้สร้างโรงไฟฟ้า นายธนาชัย เกตุโรจน์ นักกฎหมาย และทนายความในจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าร่วมหารือพร้อมด้วยชาวชุมชน
ซึ่ง นายเฉลิม กาญจนพิทักษ์ ได้กล่าวถึงการชี้แจงของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ว่า เป็นความคลาดเคลื่อนเรื่องที่ดิน ข้อเท็จจริงคือความขัดแย้งเป็นเรื่องอื่น และเป็นเรื่องในครอบครัวของผู้บริจาคที่ดิน แต่เรื่องของที่ดินนั้นไม่มีปัญหาใดๆ ชุมชนไม่ได้เป็นฝ่ายผิดพลาด การอุทิศที่ดินนั้นมีความสมบูรณ์ หากไม่สมบูรณ์นั้นต้องตั้งคำถามว่าปล่อยให้มีการสร้าง และตั้งอยู่มาถึง 6 ปีได้อย่างไร
เช่นเดียวกับ นายธนาชัย เกตุโรจน์ นักกฎหมาย และทนายความ ได้ชี้แจงว่า ปัญหาเรื่องที่ดินนั้นไม่มีเลย ถือเป็นเพียงข้ออ้างของทางราชการ เอกสารสิทธิ ส.ค.1 ไม่จำเป็นต้องไปจดแจ้งการโอนกรรมสิทธิ์ มีการส่งมอบต่อ และทำประโยชน์ติดต่อกัน 1 ปี ถือว่าชอบด้วยกฎหมายแล้ว กรณีนี้เป็นที่ดินที่ไม่ใช่มรดก มีบิดาของ นายเชาว์ ได้ส่งมอบให้นายเชาว์ ก่อนที่จะเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 20 ปี ดังนั้น การจำหน่ายจ่ายโอนเป็นสิทธิโดยชอบของนายเชาว์ ที่จะให้แก่กระทรวงพลังงาน เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชน
ขณะที่ นายสุรเชษฐ์ หรดี พลังงานจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า เมื่อได้ข้อยุติจะเสนอให้กระทรวงพลังงาน และผู้ออกใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงาน เพื่อเร่งให้สามารถเดินเครื่องโรงไฟฟ้านี้ให้ได้ภายใน 1 ปี โดยจะจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ และจะเป็นรายได้เข้าสู่รัฐ เนื่องจากมีการใช้งบประมาณจากรัฐในการสร้าง
อย่างไรก็ตาม ชาวชุมชนเห็นว่าโรงไฟฟ้าแห่งนี้ไม่สามารถดำเนินกิจการได้มาถึง 6 ปีแล้ว และไม่มีข้อติดขัดในเรื่องของที่ดิน ตามที่กระทรวงพลังงานกล่าวอ้าง โดยจะให้เวลาในการดำเนินการภายใน 10 วัน หลังจากนั้น จะมีการติดตามความคืบหน้า และหากยังไม่มีความคืบหน้าจะร่วมลงชื่อ และนำความเข้าร้องต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในเร็วๆ นี้
