ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เกษตรกรสงขลาเลี้ยง “อุง” หรือชันโรงบนบ้าน เพื่อเป็นรายได้เสริม และช่วยผสมผสมเกสรให้แก่สวนเกษตรแบบผสมผสานและเกษตรอินทรีย์ ถือเป็นการพึ่งพิงกันเองของธรรมชาติ
วันนี้ (7 ส.ค.) นายสมชาย จันทะสระ เกษตรกรหนุ่มวัย 46 ปี ซึ่งทำการเกษตรแบบผสมผสาน และเป็นเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ ภายในสวนซึ่งอยู่ในพื้นที่บ้านป่ากล้วย หมู่ 7 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ลงทุนเลี้ยงชันโรง หรือผึ้งจิ๋ว หรือที่ชาวใต้เรียกกันว่า “อุง” จำนวน 50 ลัง และเป็นการเลี้ยงในลังไม้นำมาวางเรียงรายไว้บนบ้าน แตกต่างจากการเลี้ยงชันโรงที่พบเห็นทั่วไปที่ส่วนใหญ่จะเลี้ยงไว้ตามร่องสวน
นายสมชาย บอกว่า ข้อดีของการเลี้ยงชันโรงไว้บนบ้านคือ ดูแลง่าย ไม่มีแมลงรบกวน และเห็นความเปลี่ยนแปลงของชันโรงได้ตลอดเวลา โดยขณะนี้เลี้ยงไว้จำนวน 50 ลังเต็มระเบียงบ้าน ลงทุนซื้อมาลังละ 1,500 บาท และเริ่มที่จะก่อตัวทำรัง และให้น้ำผึ้ง ที่ผ่านมา น้ำผึ้งชันโรงจะขายกันที่ขวดขนาด 150 ซีซี ขวดละ 300 บาท
นายสมชาย ยังกล่าวอีกว่า การนำชันโรงมาเลี้ยงเป็นอาชีพเสริม เนื่องจากที่สวนของตนทำเกษตรผสมผสานอินทรีย์ซึ่งไม่ใช้สารเคมี ชันโรงจะช่วยผสมเกสรให้ผลไม้ติดลูกดก เป็นการพึ่งพากันตามธรรมชาติ และชันโรงก็สามารถหากินในสวนได้อย่างปลอดภัย เพราะพืชทุกชนิดไร้สารเคมีชันโรงจึงอยู่ได้
การเลี้ยงชันโรง หรืออุง จะใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 1 ปี ก็จะมีน้ำผึ้งขายได้ ช่วงที่ดีที่สุดคือ ช่วงเดือนเมษายน หรือเดือน 5 ซึ่งจะได้น้ำผึ้งที่มีคุณภาพดีที่สุด และข้อดีอีกอย่างของการเลี้ยงชันโรง คือ เมื่อจับรีดน้ำผึ้งจากรังแล้วก็จะสามารถแยกชันโรง หรือขยายชันโรงได้เพิ่มขึ้นอีก 1 รัง จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยลงทุนเพียงแค่ครั้งเดียว และแทบจะไม่ต้องดูแลอะไรให้ยุ่งยากเพราะชันโรงจะออกหากินเอง ถึงเวลาก็จะได้น้ำผึ้งสร้างรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง
สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดการเลี้ยงชันโรง หรือจะไปดูของจริง โทรไปสอบถามได้ที่ นายสมชาย หมายเลข 082-2898238 และ 094-5395430