ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ทัพเรือภาค 2 เปิดฝึกผสมทางทะเล SEAEX THAMAL ครั้งที่ 64/2018 ระหว่างกองทัพเรือไทย และมาเลเซีย เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ และการปฏิบัติงานร่วมทางทะเลระหว่าง 2 ประเทศ
วันนี้ (6 ส.ค.) ที่บริเวณท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 อ.เมือง จ.สงขลา พล.ร.ต.สุรนันทน์ แสงรัตนกุล เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 2 ผู้แทนผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 เป็นประธานร่วมฝ่ายไทย และ CAPT MUHAMAD SHAKIR BIN SALLEH RMN เสนาธิการ มณฑลทหารเรือเขต 1 กวนตัน เป็นประธานร่วมฝ่ายมาเลเซีย ทำพิธีเปิดการฝึกผสมทางทะเล SEAEX THAMAL ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 64/2018 ด้าน จ.นราธิวาส กับรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย อันเป็นการฝึกร่วมระหว่างกองทัพเรือไทย และกองทัพเรือมาเลเซีย เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ และการปฏิบัติงานร่วมทางทะเลระหว่าง 2 ประเทศ
กองทัพเรือ จัดเรือเข้าทำการฝึกผสมกับกองทัพเรือมาเลเซีย หน่วย MMEA และตำรวจน้ำมาเลเซีย ภายใต้รหัส “SEAEX THAL” ครั้งที่ 64/2018 ระหว่าง 5-11 ส.ค.นี้ โดยมีวัตถุประสงค์ในการฝึกเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ และการปฏิบัติงานร่วมทางทะเลระหว่าง 2 ประเทศ สำหรับในแต่ละปีได้กำหนดให้มีการฝึกร่วมผสมทั้ง 2 ด้านฝั่งทะเล โดยทางด้านฝั่งอ่าวไทย จะดำเนินการฝึกในพื้นที่ระหว่าง จ.นราธิวาส กับรัฐกลันตัน โดยมีทัพเรือภาคที่ 2 เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนพื้นที่ทางด้านฝั่งทะเลอันดามัน ทัพเรือภาคที่ 3 จะดำเนินการฝึกในพื้นที่ระหว่าง จ.สตูล กับรัฐเปอร์ลิส
การฝึกผสมครั้งนี้ ทางด้านฝั่งอ่าวไทย ดำเนินการฝึกในพื้นที่ระหว่าง จ.นราธิวาส กับรัฐกลันตัน โดยมีทัพเรือภาคที่ 2 เป็นผู้รับผิดชอบ ทัพเรือภาคที่ 2 ส่งเรือเข้าร่วมการฝึก จำนวน 4 ลำ ประกอบด้วย เรือหลวงแหลมสิงห์ เรือ ต.112 เรือ ต.94 และเรือตำรวจน้ำ 808 ฝ่ายประเทศมาเลเซีย ส่งเรือร่วมการฝึก จำนวน 4 ลำ ประกอบด้วย เรือของกองทัพเรือมาเลเซีย จำนวน 2 ลำ ได้แก่ KD LAKSAMANA TAJ เรือ KD Handalan เรือหน่วยงาน MMEA (หน่วยยามฝั่ง) จำนวน 1 ลำ ได้แก่ เรือ KM GEMIA และเรือตำรวจน้ำมาเลเซีย จำนวน 1 ลำ ได้แก่ เรือ PA 52
สำหรับในการฝึกครั้งนี้ จะมีการฝึกแปรขบวนทางทะเล มีการฝึกตระเวนร่วมกันตามแนวน่านน้ำทะเลอันดามันทั้ง 2 ประเทศ ฝึกการสื่อสารติดต่อประสานงานระหว่างกำลังพลทั้ง 2 ประเทศ ฝึกเข้าตรวจค้นสิ่งของผิดกฎหมาย ยาเสพติด กลุ่มก่อการร้ายต่างๆ รวมทั้งโจรสลัด และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ประเทศ