xs
xsm
sm
md
lg

“เสาวรส” หรือ “กะทกรก” หรือ “แพสชั่นฟรุต” กินแล้วสวย รวยสุขภาพ แต่ก็ต้องระวัง..?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

1
 
คอลัมน์  :  ดูรูปสวยแถมด้วยเกร็ดความรู้  /  โดย...สกนธ์  รัตนโกศล
.
“เสาวรส” หรือ “กะทกรกฝรั่ง” หรือ “กะทกรกสีดา” หรือ “กะทกรกยักษ์” หรือที่รู้จักกันในนามภาษาอังกฤษว่า “แพสชั่นฟรุต(Passion Fruit)”
 
มีชื่อสามัญ Passion Fruit, Jamaica honey-suckle, Yellow granadilla ชื่อวิทยาศาสตร์ Passiflora edulis Sims จัดอยู่ในวงศ์กะทกรก (PASSIFLORACEAE)
 
มีต้นกำเนิดในแถบทวีปอเมริกาใต้ เป็นไม้เถาเลื้อย ที่มีผลลักษณะกลม ผลอ่อนจะมีสีเขียว แต่เมื่อสุกแล้วจะมีหลายสี แล้วแต่ละสายพันธุ์คือ สีม่วง สีเหลือง และ สีส้ม ในบ้านเรานี้จะปลูกทั้ง 3 สายพันธุ์
 
โดยในผลเสาวรสนั้นจะมีเมล็ดจำนวนมาก มีกลิ่นคล้ายฝรั่งสุก รสออกเปรี้ยวจัด แต่บางสายพันธุ์จะมีรสออกอมหวาน
 
ขยายพันธ์ด้วยการผสมเกสร ในประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและมาเลเซีย รวมถึงส่วนอื่นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะใช้แมลงภู่เป็นตัวผสมเกสรในเชิงการค้า
 
นอกจากนี้ ดอกเสาวรส (Passiflora edulis flavicarpa) ถูกค้นพบว่าจะบานสัมพันธ์กันกับช่วงที่แมลงภู่กำลังแพร่หลาย แสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตทั้ง 2 ชนิดนี้วิวัฒนาการมาอย่างสัมพันธ์กัน
 
เสาวรสเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ มีใยอาหารในปริมาณสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุรวมกันอยู่หลายชนิด ซึ่งได้แก่ วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 กรดโฟลิก ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก ธาตุแมกนีเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุโพแทสเซียม ธาตุสังกะสี และคาร์โบไฮเดรต
 
สำหรับประโยชน์ของเสาวรสและสรรพคุณของเสาวรสนั้นมีมากมาย เช่น
- ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
- ช่วยในการชะลอวัย ชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
- ช่วยในการบำรุงสายตา เนื่องจากมีวิตามินเอรวมอยู่ด้วย
- มีวิตามินบี 2 ซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณ เล็บ และเส้นผม
- มีแคลเซียมซึ่งมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกเสื่อมและกระดูกหัก
- มีโพแทสเซียมสูง ช่วยให้มีสติปัญญา จิตใจร่าเริงแจ่มใส ด้วยการส่งออกซิเจนไปเลี้ยงที่สมอง
- มีแมกนีเซียม ซึ่งช่วยในการเผาผลาญไขมันและเปลี่ยนเป็นพลังงาน
- มีฟอสฟอรัสสูง ซึ่งช่วยส่งเสริมสุขภาพเหงือกและฟันให้แข็งแรง
- นิยมนำมาดื่มเป็นน้ำผลไม้หรือใช้เป็นส่วนผสมในน้ำผลไม้รวม และนำมาใช้แต่งกลิ่นหรือรสชาติในโยเกิร์ต น้ำอัดลม เป็นต้น
- น้ำเสาวรสช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย และช่วยให้นอนหลับสบายมากยิ่งขึ้น
 
การรับประทานเสาวรสเป็นอาหาร ในปริมาณปกติค่อนข้างมีความปลอดภัย แต่สำหรับการรับประทานในรูปแบบอื่นๆ เช่น ชา หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อการรักษาโรค ควรใช้ติดต่อกันน้อยกว่า 2 เดือน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในการรับประทานเสาวรส
 
ยังมีข้อควรระมัดระวังบางประการ ดังนี้
- การรับประทานเสาวรสอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น วิงเวียนศีรษะ รู้สึกสับสน กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงไป หลอดเลือดอักเสบ บางรายพบรายงานว่ามีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ง่วงซึม หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดปกติ
- การใช้เสาวรสกับผิวหนังยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัย ก่อนการใช้จึงควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
- หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานเสาวรส เนื่องจากสารเคมีบางตัวในเสาวรสอาจทำให้มดลูกหดตัว
- ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงในการรับประทานเสาวรส เพราะยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัยเพียงพอหรือหากต้องการรับประทานควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดควรหยุดรับประทานเสาวรสอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เนื่องจากเสาวรสอาจมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งอาจไประงับฤทธิ์ยาสลบหรือยาตัวอื่นต่อสมองในช่วงผ่าตัดและหลังจากผ่าตัด
 
ถึงแม้เสาวรสจะมีประโยชน์มากมาย แต่หากรับประทานทุกวันก็อาจเสี่ยงเป็นโรคได้เช่นกัน โดยผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซาธ์แคลิฟอร์เนียและฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า เสาวรสมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ตับ ซึ่งอาจทำให้ฮอร์โมนเพศหญิง(เอสโตรเจน) เพิ่มสูงขึ้น จนกระตุ้นเซลล์มะเร็งที่ตอบสนองต่อโกรทฮอร์โมนให้แบ่งตัวเร็วขึ้นได้ โดยอ้างอิงจากผลวิจัยที่พบว่า ผู้หญิงที่กินเสาวรส 1 ใน 4 ผลขึ้นไปทุกวัน อาจมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นราว 30% ได้นะขอรับ
 
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
 
บรรณานุกรม 
 
- https://www.thaiquote.org › ข่าวเด่น
https://medthai.com/เสาวรส/
 


กำลังโหลดความคิดเห็น