xs
xsm
sm
md
lg

ศอ.บต.จัดโครงการตรวจสารพันธุกรรมแก่คนไทยที่พำนักในประเทศมาเลเซีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
ปัตตานี - ศอ.บต.จัดโครงการตรวจสารพันธุกรรมแก่คนไทยที่พำนักในประเทศมาเลเซีย เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านงานทะเบียนราษฎร และสามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ ถูกต้องตามกฎหมาย

วันนี้ (15 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือแก่คนไทยที่ยังไม่มีเอกสารรับรองสัญชาติไทย และที่ยังไม่บัตรประจำตัวประชาชนที่พำนักอยู่ในประเทศมาเลเซียนับพันคน ซึ่งกลุ่มบุคคลเหล่านี้ถูกพบอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ รวมทั้งในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูลและสงขลา โดยสาเหตุของปัญหาอันเกิดจากการตกสำรวจของทางราชการ การไม่แจ้งเกิด ถูกทอดทิ้ง การขาดความรู้ความเข้าใจในกระบวนการรับรองสถานะทางทะเบียน รวมถึงปราศจากเอกสารทางราชการหรือบุคคลที่สามารถมาเป็นพยานเพื่อยืนยันสถานภาพ

ทำให้บุคคลผู้นั้นกลายเป็นคนไร้สัญชาติและไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์ หรือไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน จึงไม่สามารถดำเนินการเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านและขอมีบัตรประจำตัวประชาชนได้ ส่งผลให้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ ตามกฎหมาย เช่น การศึกษา การสมัครงาน การรักษาพยาบาล การเดินทางออกนอกชุมชนที่อาศัยอยู่ การเดินทางไปต่างประเทศ และสวัสดิการขั้นพื้นฐาน อื่นๆ จนกลายเป็นบุคคลผู้ยากไร้ขาดโอกาสทางสังคม มีสถานะไม่ต่างอะไรจากคนต่างด้าว หากไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาย่อมจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติในระยะยาว
 

 
ด้วยพระมหากรุณาธิกุลของสมเด็จพระเทพฯ ทรงดำริให้ทาง ศอ.บต.ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เพื่อน้อมนำพระราชกระแสรับสั่ง เร่งจัดเก็บตัวอย่างและตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม DNA เพื่อแก้ไขปัญหาบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์ หรือไร้สัญชาติในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ล่าสุด พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานเปิดกิจกรรม การตรวจสารพันธุกรรม (DNA) แก่คนไทยที่พำนักในประเทศมาเลเซีย ณ สถานกงสุลใหญ่ เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านงานทะเบียนราษฎร แก่คนไทยที่พำนักอยู่ในประเทศมาเลเซีย โดยมี นางสาวจันทรรัตน์ งามชนะ รองกงสุลใหญ่ เมืองโกตาบารู, นายบุญช่วย หอมยามเย็น ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต., นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานยุติธรรม/รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศ ศอ.บต. คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ กรมการปกครอง ประธานชมรมแม่บ้าน ศอ.บต. หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนไทยที่พำนักในประเทศมาเลเซียเข้าร่วมกว่า 150 คน

พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการ ศอ.บต เปิดเผยว่า คนไทยทุกคนต้องมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีพระดำริว่า อยากให้ดูแลคนไทยที่อาศัยอยู่แถวแนวตะเข็บชายแดนที่ไม่มีสถานะทางสังคมเป็นจำนวนมาก ซึ่งครั้นที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จังหวัดยะลาเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา ได้ทรงมีรับสั่งว่า ทรงมีความห่วงใยในปัญหาคนไทยที่พำนักอยู่ในประเทศมาเลเซีย จากกรณีไม่มีสถานะทางทะเบียนและปัญหาการขาดสารอาหารของเด็กไทยในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย
 

 
ศอ.บต.จึงสนองพระราชพระราชดำริเป็นศูนย์กลางมีหน้าที่ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยประสานงานระหว่าง สถานกลสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสารพันธุ์กรรม DNA หาสายเลือดทางพันธุ์กรรมที่บ่งบอกถึงความเป็นคนไทยโดยตรง และเป็นวิธีเดียวที่สามารถพิสูจน์ได้ ซึ่งในการดำเนินการตรวจสอบแต่ละครั้งนั้นมักมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

รองเลขาธิการ ศอ.บต กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ภาครัฐนั้นมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง ที่อยากให้พี่น้องประชาชนได้มีสิทธิทางสังคมอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล สิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ และอื่นๆ โดยทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้นจะมีการเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดตามนโยบายของรัฐบาลว่า “จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
 

 
นายอับดุลเลาะห์ โต๊ะโล๊ะ ผู้เข้าร่วมโครงการตรวจสารพันธุ์กรรม DNA เปิดเผยว่า ตนเองขาดโอกาสทางสังคมต่อการประกอบอาชีพในประเทศไทย จึงได้เดินทางมาหางานทำเพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว โดยมีอาชีพกรีดยางพารา ซึ่งในการเดินทางมายังประเทศมาเลเซียเป็นการเดินทางแบบผิดกฎหมาย ไม่มีเอกสารการเดินทางหรือเอกสารใดๆ ที่สามารถรับรองได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งผมก็ได้คิดอยู่เสมอว่า เมื่อไหร่จะได้มีโอกาสทางสังคมเหมือนกับบุคคลอื่น ๆ ทั่วไปที่ไม่ต้องอยู่หลบๆ ซ่อนๆ จากเจ้าหน้าที่ของมาเลเซีย และอยากจะมีอาชีพที่ดีกว่านี้ เพราะจะได้สามารถดูแลยายของตนได้

“ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีมากและรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งต่อพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ที่มีความเมตตาต่อประชาชนชาวไทย และขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนโดยเฉพาะ ศอ.บต. ที่เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่ประชาชนชาวไทยควรจะได้รับ” นายอับดุลเลาะห์ โต๊ะโล๊ะ กล่าว
 


กำลังโหลดความคิดเห็น