ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เปิดใจ “เหล่าฮีโร่ เลิฟอันดามัน” ทีมช่วยเหลือชุดแรก หลังนำเรือฝ่าคลื่นสูง 5 เมตร มุ่งเข้าช่วยนักท่องเที่ยวลอยคอกลางทะเล จากเหตุเรือเซเรนาต้าล่ม เผยคิดอย่างเดียวทุกชีวิตต้องรอด
จากกรณีเกิดเหตุเรือล่มในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้เรือเจ็ตสกี เรือยอช์ตเซเรนาต้า และเรือฟีนิกซ์ ไดร์ฟวิ่งล่ม ซึ่งหลังเกิดเหตุมีทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ต่างก็มุ่งหน้าออกไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งหมด หนึ่งในนั้นก็มีเรือ Aluminouse 2 ของบริษัท เลิฟ อันดามัน ซึ่งเป็นเรือลำแรกที่เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ บริเวณระหว่างเกาะเฮ และเกาะไม้ท่อน และเป็นฮีโร่ชุดแรกที่เสี่ยงชีวิต กระโดดจากเรือลงไปช่วยนักท่องเที่ยวที่มีทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ซึ่งกำลังเกาะห่วงช่วยชีวิตลอยคออยู่ในทะเลท่ามกลางคลื่นทะเลที่กำลังบ้าคลั่ง จนสามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่กำลังรอการช่วยเหลือขึ้นมาบนเรือได้ทั้งหมด
วันนี้ (8 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้พามาทำความรู้จักกับเหล่าฮีโร่ ที่เสี่ยงชีวิตลงไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวกว่า 20 ชีวิต จากเรือเซเรนาต้า ก่อนที่เรือตำรวจน้ำ และเรือลำอื่นๆ จะเข้าไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่เหลือ ฮีโร่ดังกล่าวเป็นเพียงแค่เด็กเรือ กัปตันเรือ และผู้จัดการบริษัท เลิฟ อันดามัน ประกอบด้วย นายอุดมพงศ์ แสงสุวรรณ หรือเอฟ อายุ 19 ปี, นายอัฟฟาน หอมศักดิ์ อายุ 18 ปี, นายชินดนัย แพใหญ่ อายุ 18 ปี, นายทะนงศักดิ์ คงเกิด อายุ 18 ปี เด็กเรือ, นายอภิสิทธิ์ ทอดทิ้ง กัปตันเรือ และนายญาณภัทร สร้อยรัก อายุ 37 ปี ผู้จัดการบริษัทฯ นอกจากนั้นยังมีไกด์ และเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำที่ร่วมเดินทางไปด้วย
นายญาณภัทร สร้อยรัก อายุ 37 ปี ผู้จัดการบริษัท เลิฟ อันดามัน พร้อมด้วย นายทนงศักดิ์ คงเกิด อายุ 18 ปี, นายอัฟฟาน หอมศักดิ์ อายุ 18 ปี, นายชินดนัย แพใหญ่ อายุ 18 ปี, นายอุดมพงษ์ แสงสุวรรณ อายุ 19 ปี และนายอภิสิทธิ์ ทอดทิ้ง กัปตันเรือ Aluminouse 2 ของบริษัท เลิฟ อันดามัน ได้ร่วมกันให้ข้อมูลการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเรือเซเรนาต้าล่ม ว่า หลังจากส่งลูกค้าที่เกาะพีพี จ.กระบี่ ก็ได้เดินทางกลับเข้าฝั่ง ถึงท่าเทียบเรืออ่าวมะขาม ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต เวลาประมาณ 17.00 น. ขณะทำความสะอาดเรือเสร็จ และกำลังจะเดินทางกลับบ้านพักของแต่ละคน ตนก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของเรือเซเรนาต้า ขอให้ส่งคนออกไปช่วยเหลือ เนื่องจากเรือถูกคลื่นซัดกำลังจะจม
หลังรับแจ้งพวกตนก็ได้นำเรือ Aluminouse 2 พร้อมเด็กเรือทั้งหมด ออกไปช่วยเหลือในทันที แม้ว่าขณะนั้นคลื่นลมในทะเลกำลังบ้าคลั่ง คลื่นสูงประมาณ 5 เมตร เรือต้องใช้เวลานานประมาณ 30 นาที จึงถึงจุดเกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบนักท่องเที่ยวเกาะทุ่นลอยคออยู่ในทะเล จำนวน 9 คน ทางกัปตันเรือจึงต้องขับเรือวนเพื่อหาจุดที่เหมาะสม เพราะถ้าเข้าไปใกล้มากอาจจะทำให้ร่างของนักท่องเที่ยวถูกคลื่นซัดมาโดนใบพัดเรือได้ การทำงาน รวมทั้งการตัดสินใจลงไปช่วยจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก
หลังจากหมุนเรือไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมแล้ว ขณะที่เรือเซเรนาต้านั้น กำลังอยู่ในสภาพท้ายเรือจมอยู่ในทะเล หัวเรือโผล่พ้นน้ำมาไม่มาก นักท่องเที่ยวที่อยู่บนเรือต่างก็ไปออกันอยู่ที่หัวเรือ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ และเพื่อเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งหมดให้รอดชีวิต จึงได้ให้เด็กเรือ 3 คน และไกด์ 1 คน กระโดดลงไปยังจุดที่นักท่องเที่ยวเกาะห่วงชูชีพอยู่ เพื่อนำเชือกไปผูก ซึ่งระหว่างนั้นไม่มีลูกเรือคนไหนปฏิเสธที่จะลงไปในทะเล เพราะเป้าหมายของทุกคนคือการช่วยเหลือทุกชีวิตให้ปลอดภัย
เมื่อลงไปถึงทั้ง 3 คน ได้นำเชือกไปผูกไว้กับทุ่นที่นักท่องเที่ยวเกาะอยู่ พร้อมเข้าไปช่วยเด็กๆ ที่ผู้ปกครองอุ้มอยู่ หลังจากนั้นจึงลากกลับขึ้นมาบนเรือ Aluminouse 2 ได้ทั้งหมด จากนั้นได้ให้เด็กเรือกระโดดลงไปในทะเล เพื่อลงไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอีกจำนวนหนึ่ง ที่ยังติดอยู่บนเรือเซเรนาต้า ที่ขณะนั้นท้ายเรือได้จมลงไปในน้ำแล้ว โดยมีนักประดาน้ำ กัปตันเรือ และไกด์ ต่างช่วยกันขนถ่ายนักท่องเที่ยวจากเรือเซเรนาต้า มาไว้ในเรือดิงกี้ ก่อนที่จะลากขึ้นเรือ Aluminouse 2 ซึ่งได้เลือกให้การช่วยเหลือเด็กๆ และผู้สูงอายุก่อน โดยในรอบแรกช่วยกลับขึ้นเรือ และนำเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย จำนวน 20 คน
แต่ระหว่างนั้น นายทะนงศักดิ์ และนายอัฟฟาน ยังคงต้องอยู่บนเรือเพื่อช่วยกันส่งนักท่องเที่ยวลงเรือดิงกี้ และนำไปส่งต่อให้กับเรือตำรวจน้ำ โดยทั้ง 2 คนต้องอยู่บนเรือที่กำลังจะจมนานกว่า 2 ชั่วโมง จนกระทั่งส่งนักท่องเที่ยวขึ้นเรือตำรวจน้ำได้เรียบร้อยทั้งหมด
เหล่าฮีโร่ทั้งหมด กล่าวเปิดใจถึงนาทีที่ได้รับแจ้งให้ออกไปช่วยเหลือว่า ทันทีที่ได้รับแจ้ง ตอนนั้นไม่ได้นึกกลัว คิดอย่างเดียวคืออยากช่วย ต้องออกไปช่วยเหลือ ก็ไม่คิดว่าคลื่นจะใหญ่ขนาดนั้น ทันทีที่ไปถึงก็พบว่ามีนักท่องเที่ยวลอยคอเกาะทุ่นอยู่ในทะเล 9 ราย ก็ได้ช่วยขึ้นเรือไปก่อน ส่วนบนเรือพบนักท่องเที่ยวได้ไปเกาะอยู่บริเวณหัวเรือ ซึ่งพบว่าทุกคนสวมใส่เสื้อชูชีพ ในการช่วยเหลือนั้น นักประดาน้ำได้สั่งการให้เลือกช่วยเหลือเด็กเล็ก และผู้สูงอายุก่อน ก็ได้ให้การช่วยเหลือนำเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย จำนวน 20 คน ส่วนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่เหลือ เรือตำรวจน้ำซึ่งตามไปสมทบได้ให้การช่วยเหลือในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม คิดว่าหากเข้าถึงที่เกิดเหตุช้ากว่านี้แค่ 10 นาที อาจจะมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต