โดย.. เมธี เมืองแก้ว
___________________________________________________________________________
ปัจจุบันนี้กระแสความนิยมของการชนโค หรือวัวชน หนึ่งในเอกลักษณ์ชื่อดังของภาคใต้ กำลังเป็นที่สนใจกันอย่างกว้างขวาง จนทำให้ก่อเกิดสนามชนโคเพิ่มขึ้นเป็น 38 แห่ง และมีประชาชนแทบทุกระดับเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมากเช่นกัน
แต่กว่าที่วัวแต่ละตัวจะมีมูลค่าขึ้นไปสูงถึงระดับหลักแสนหลักล้านบาท จะต้องผ่านการประคบประหงมมาเป็นอย่างดี แถมยังต่อเนื่องยาวนานอีกหลายปีด้วย จนถึงกับมีการเปรียบเปรยว่า “รักและดูแลยิ่งกว่าลูกเสียอีก” เพื่อให้สัตว์เจ้าพละกำลังชนิดนี้ สามารถโค่นคู่ต่อสู้ลงได้อย่างราบคาบในทุกสังเวียน
นายยรรยงค์ แก้วละเอียด เจ้าของค่ายวัวชนบ้านโพธิ์ ซอย 6 ใน อ.เมืองตรัง บอกว่า วัวชนของตนทุกตัวจะต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อกินหญ้า แล้วพาไปเดินวิ่งออกกำลังกาย รวมทั้งฝึกเดินวง เดินขึ้นเนิน และแทงดิน เพื่อเพิ่มความฟิตให้มากที่สุด แล้วกลับมากินหญ้า อาบน้ำ และเช็ดตัว จากนั้นในช่วงบ่าย ก็ต้องพาไปเดินวิ่งออกกำลังกายอีกรอบ ก่อนพากลับมากินหญ้า อาบน้ำ และนอนพักยาวถึงเช้ามืด ซึ่งบางวันก็จะมีการให้อาหารเสริม นวดตัว และทำความสะอาดตามจุดต่างๆ เพิ่มเป็นพิเศษ เพื่อให้วัวชนมีความสมบูรณ์ และมีคุณภาพดี
สำหรับวัวชนโดยทั่วไป เมื่อถึงวัยเจาะจมูก หรืออายุเกือบ 1 ปี จะมีมูลค่าประมาณตัวละ 1-2 หมื่นบาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสายพันธุ์ กระทั่งอายุราว 5 ปี ก็เริ่มจะนำไปประลองกำลังตามสถานที่ต่างๆ ได้แล้ว และบางตัวที่มีความแข็งแรงสมบูรณ์สูง อาจชนได้ถึงอายุ 15 ปี ซึ่งแต่ละปีจะชนได้ประมาณ 3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับบาดแผลจากการลงกรำศึกในแต่ละครั้ง ว่ารุนแรงมากน้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม วัวชนตัวที่เก่งๆ ยังสามารถสร้างรายได้ให้เจ้าของเพิ่มอีกทางหนึ่ง ด้วยการรับจ้างผสมพันธุ์ หรือรีดน้ำเชื้อ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการสูงเช่นกัน
นอกจากนั้น การที่กระแสความนิยมกีฬาวัวชนในภาคใต้สูงขึ้น ยังส่งผลดีต่อหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น การรับจ้างตัดหญ้าให้วัวกิน ในราคากระสอบละ 100-200 บาท ซึ่งอาจแพงหน่อยในช่วงหน้าแล้ง โดยเจ้าของมักจะเน้นหญ้าธรรมชาติ เพราะไม่มีสารเคมีใดๆ และให้ประโยชน์สูง
ขณะเดียวกัน ก็ยังมีธุรกิจปลูกหญ้าส่งขายด้วย ซึ่งก็กำลังได้รับความนิยมไม่น้อยเช่นกัน รวมทั้งการขายข้าวของเครื่องใช้เกี่ยวกับวัวชน เช่น สายคอ เชือกร้อยจมูก ล็อกเขา เคียนพลาง เหล็กตอก รวมทั้งยาบำรุงอีกสารพัด ที่ล้วนสร้างรายได้ให้อย่างน่าสนใจ
นายคฑาวุธ ทองไทย หรืออาจารย์ไข่ มาลีฮวนน่า กล่าวว่า ขณะนี้กีฬาวัวชนได้ขยายวงกว้างไปถึงกลุ่มคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ จนกลายเป็นวัฒนธรรมที่เหนียวแน่นของคนใต้ไปแล้ว และยังตรงกับยุค 4.0 ที่มีเป้าหมายหล่อหลอมรวมสิ่งดีๆ ในชุมชน พร้อมกับการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย ซึ่งตนอยากให้มองไกลไปถึงการพัฒนากีฬาวัวชนสู่การท่องเที่ยวระดับนานาชาติ เหมือนอย่างวัวกระทิงของประเทศสเปน เพราะจะก่อเกิดรายได้กระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า และช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจชุมชนของภาคใต้ให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
ทั้งนี้ การชนโคนับเป็นกีฬาพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอย่างหนึ่งของชาวภาคใต้ โดยเฉพาะที่ จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง และ จ.สงขลา จนบางที่จัดเป็นงานเทศกาลสำคัญประจำปีไปแล้ว ซึ่งถือเป็นการคัดเลือกเอาวัวที่มีคุณลักษณะเหมาะสม มาชนกันในสถานที่ที่กำหนด ยกเว้นวันพระ และมีการตั้งกติกาที่แพ้ชนะอย่างชัดเจน เพื่อให้วัวตัวผู้ทั้ง 2 ฝ่าย ตรงปรี่เข้าปะทะกัน แล้วใช้พละกำลัง และอาวุธคือเขา เข้าต่อสู้เสียงดังสนั่น จนกว่าอีกฝ่ายจะวิ่งถอยไป ทำให้เกิดทั้งความสนุกสนาน ตื่นเต้น และประทับใจแก่ผู้ที่มาชมเป็นอย่างมาก