พังงา - ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพังงา เตือนส่งเมล็ดพันธุ์ทุเรียนพื้นบ้านออกนอกประเทศ หากไม่ควบคุม อนาคตเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนเตรียมรับผลกระทบ
จากกรณีมีการซื้อขายเมล็ดทุเรียนในพื้นที่ จ.พังงา จนทำให้ราคาพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 80 บาท ทำให้มีการตั้งข้อสงสัยว่ามีการกว้านซื้อเมล็ดทุเรียนเพื่อนำไปพันธุ์เมล็ดเอส่งออกต่างประเทศ
เบื้องต้น ได้สอบถาม นางสาโรจน์ ภูมิรักษ์ อายุ 52 ปี แม่ค้ารับซื้อเมล็ดทุเรียน กล่าวว่า เมล็ดทุเรียนที่ตนเองรับซื้อนั้นนำส่ง จ.ชุมพร เพื่อเพาะปลูก ซึ่งคนรับซื้อรู้จักกันดี และเป็นญาติกัน โดยนับว่าเป็นการรับซื้อเพื่อนำเพาะพันธุ์ในเครือญาติด้วยกันเพื่อจำหน่ายต้นกล้าอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะเพาะพันธุ์ส่งออกนั้นตนเองมองว่าในกลุ่มเครือญาติกันเองไม่มีการส่งพันธุ์ทุเรียนไปต่างประเทศอย่างแน่นอน
ขณะที่ นายธีรพงศ์ ตันติเพชราภรณ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพังงา กล่าวว่า กรณีการรับซื้อเมล็ดทุเรียน พบว่า มีทั้งผู้ต้องการซื้อเมล็ดพันธุ์พื้นเมือง เพื่อเพาะพันธุ์ภายในประเทศ และนำส่งไปขายในต่างประเทศมาก ทำให้ราคาเมล็ดทุเรียนมีราคาสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งปกติราคาเมล็ดทุเรียนกิโลกรัมละ 30 บาท ปัจจุบันพบว่า กิโลกรัมละ 50-80 บาท
คิดว่าราคาที่สูงขึ้นน่าจะเกิดจากความต้องการเมล็ดทุเรียนในส่วนของต่างประเทศด้วย เนื่องจากในปีนี้ราคาทุเรียนมีราคาสูง ทำให้ความต้องการเมล็ดทุเรียนของเกษตรกรมีมากขึ้น ซึ่งต้นพันธุ์ทุเรียนพื้นเมืองมีความแข็งแรง โดยนำยอดทุเรียนพันธุ์ต่างๆ เสียบยอดเพื่อได้ต้นทุเรียนที่ทนทาน มั่นคง แข็งแรง และได้ผลดี และทราบข่าวว่า ความต้องการของต่างประเทศ มีออเดอร์จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา
โดยการสั่งเมล็ดทุเรียนนั้นเป็นการดำเนินการกันเองระหว่างผู้ซื้อที่อยู่ต่างประเทศ และคนขายที่อยู่ในประเทศไทย โดยไม่ได้ผ่านภาครัฐ หรือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลของการส่งออกและนำเข้าพืชพันธุ์ของประเทศไทย โดยที่คนขายก็ไม่ทราบว่าคนซื้อซื้อไปทำอะไร
ซึ่งเรื่องนี้คิดว่าน่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากทราบว่าขณะนี้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านมีการขยายพื้นที่ปลูกอย่างมโหฬาร และหากทุเรียนในต่างประเทศให้ผลผลิตออกสู่ตลาด เชื่อว่าอีกไม่นานจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในบ้านเราอย่างแน่นอน และเพื่อนบ้านจะเป็นคู่แข็งสำคัญในการส่งออกทุเรียนของไทย และเชื่อว่าจะต้องมีการส่งผลผลิตมาขายแข่งกับคนในประเทศไทยอย่างแน่นอน
จากกรณีมีการซื้อขายเมล็ดทุเรียนในพื้นที่ จ.พังงา จนทำให้ราคาพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 80 บาท ทำให้มีการตั้งข้อสงสัยว่ามีการกว้านซื้อเมล็ดทุเรียนเพื่อนำไปพันธุ์เมล็ดเอส่งออกต่างประเทศ
เบื้องต้น ได้สอบถาม นางสาโรจน์ ภูมิรักษ์ อายุ 52 ปี แม่ค้ารับซื้อเมล็ดทุเรียน กล่าวว่า เมล็ดทุเรียนที่ตนเองรับซื้อนั้นนำส่ง จ.ชุมพร เพื่อเพาะปลูก ซึ่งคนรับซื้อรู้จักกันดี และเป็นญาติกัน โดยนับว่าเป็นการรับซื้อเพื่อนำเพาะพันธุ์ในเครือญาติด้วยกันเพื่อจำหน่ายต้นกล้าอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะเพาะพันธุ์ส่งออกนั้นตนเองมองว่าในกลุ่มเครือญาติกันเองไม่มีการส่งพันธุ์ทุเรียนไปต่างประเทศอย่างแน่นอน
ขณะที่ นายธีรพงศ์ ตันติเพชราภรณ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพังงา กล่าวว่า กรณีการรับซื้อเมล็ดทุเรียน พบว่า มีทั้งผู้ต้องการซื้อเมล็ดพันธุ์พื้นเมือง เพื่อเพาะพันธุ์ภายในประเทศ และนำส่งไปขายในต่างประเทศมาก ทำให้ราคาเมล็ดทุเรียนมีราคาสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งปกติราคาเมล็ดทุเรียนกิโลกรัมละ 30 บาท ปัจจุบันพบว่า กิโลกรัมละ 50-80 บาท
คิดว่าราคาที่สูงขึ้นน่าจะเกิดจากความต้องการเมล็ดทุเรียนในส่วนของต่างประเทศด้วย เนื่องจากในปีนี้ราคาทุเรียนมีราคาสูง ทำให้ความต้องการเมล็ดทุเรียนของเกษตรกรมีมากขึ้น ซึ่งต้นพันธุ์ทุเรียนพื้นเมืองมีความแข็งแรง โดยนำยอดทุเรียนพันธุ์ต่างๆ เสียบยอดเพื่อได้ต้นทุเรียนที่ทนทาน มั่นคง แข็งแรง และได้ผลดี และทราบข่าวว่า ความต้องการของต่างประเทศ มีออเดอร์จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา
โดยการสั่งเมล็ดทุเรียนนั้นเป็นการดำเนินการกันเองระหว่างผู้ซื้อที่อยู่ต่างประเทศ และคนขายที่อยู่ในประเทศไทย โดยไม่ได้ผ่านภาครัฐ หรือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลของการส่งออกและนำเข้าพืชพันธุ์ของประเทศไทย โดยที่คนขายก็ไม่ทราบว่าคนซื้อซื้อไปทำอะไร
ซึ่งเรื่องนี้คิดว่าน่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากทราบว่าขณะนี้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านมีการขยายพื้นที่ปลูกอย่างมโหฬาร และหากทุเรียนในต่างประเทศให้ผลผลิตออกสู่ตลาด เชื่อว่าอีกไม่นานจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในบ้านเราอย่างแน่นอน และเพื่อนบ้านจะเป็นคู่แข็งสำคัญในการส่งออกทุเรียนของไทย และเชื่อว่าจะต้องมีการส่งผลผลิตมาขายแข่งกับคนในประเทศไทยอย่างแน่นอน