สตูล - ชนกลุ่มน้อยชาวมานิคว้ารถ จยย.ขี่ออกจากป่าไปเยี่ยมญาติต่างอำเภอใน จ.สตูล แถมยังสร้างบ้านไม้ไผ่ยกพื้นแทนทับหรือเพิงในอดีต ส่วนบางคนก็เริ่มเล่นเฟซบุ๊กไว้ใช้ติดต่อกับคนในหมู่บ้าน
วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่ป่าชุมชนบ้านวังนาใน หมู่ที่ 10 ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูล นายฉ่อ รักษ์ละงู เด็กหนุ่มลูกหลานชาวมานิ คว้ารถจักรยานยนต์มือสอง ที่ใช้เงินจากการขายพืชสมุนไพรในป่า ซื้อมาไว้ขี่เพื่ออำนวยความสะดวกตัวเองในราคา 6,000 บาท ขนลูกเมียนั่งซ้อนท้ายได้ 8 คน ออกจากป่าเพื่อเข้าตัวเมือง เริ่มมีภาพคุ้นตาให้คนชุมชนเมืองเห็นการขี่รถจักรยานยนต์ของชาวมานิซ้อน 8 คน ให้เห็นบ่อยครั้งขึ้นในช่วงนี้
นายฉ่อ รักษ์ละงู เด็กหนุ่มลูกหลานชาวมานิ กล่าวยอมรับว่า เอกสารทะเบียนประจำรถไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ก็ขี่รถใช้ในหมู่บ้านออกไปขายพืชสมุนไพร พืชผักป่า บางครั้งออกไปขายไกลหมู่บ้าน ไปเยี่ยมญาติชาวมานิด้วยกันต่างอำเภอที่ทุ่งหว้า และเยี่ยมลูกหลานที่มาเรียนที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 42 ก็ขนกันมา เจอเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สั่งห้ามปราม ก็บอกกับพวกตนว่าอันตราย เด็กๆ อาจจะได้รับอันตราย บางครั้งก็ไม่ให้บรรทุกซ้อน 8 คน แต่หากมีผู้ใจบุญเปลี่ยนเป็นรถพ่วงข้างให้ก็จะยิ่งดี ซึ่งทุกวันนี้ก็จะขี่ในหมู่บ้านใกล้ๆ มากกว่า เพราะดีกว่าเดิน เด็กๆ ก็จะชอบตามออกไปในหมู่บ้าน
นอกจากวิถีการเดินทางจากการเดินเท้าของชาวมานิจะเปลี่ยนไป วิถีของที่พักอาศัยจากทับที่สร้างด้วยใบไม้เป็นหลังคาอย่างง่าย ก็เปลี่ยนมาเป็นบ้านยกพื้นกั้นเป็นฝาทำจากไม้ไผ่ที่แข็งแรง ตอกด้วยตะปูทนทานมากยิ่งขึ้น มีการแบ่งแยกห้องนอน ห้องครัวอย่างชัดเจน หลังทางการได้กั้นพื้นที่ป่าชุมชนบ้านวังนาใน หมู่ที่ 10 ให้เป็นที่อยู่ของชาวมานิ
ซึ่งนำทับ (นำเผ่า) โดยนายไข่ ศรีมะนัง หัวหน้าทับ หรือที่ทุกคนยกให้เป็นผู้ใหญ่บ้านของชาวมานิ กล่าวว่า กลุ่มที่ตนอยู่อาศัยด้วยกัน 40 คน สร้างบ้านขึ้นเพื่ออาศัย 10 ครัวเรือน ลูกหลานบางคนก็มีโทรศัพท์มือถือไว้ติดต่อสื่อสารกับคนภายนอก ส่วนเรื่องการขี่รถจักรยานยนต์ไปมาข้างนอก ตำรวจเคยมาอบรมให้แล้ว แต่ลูกหลานหลายคนก็ลืมบ้าง แต่ก็พยายามเตือนไม่ให้ซ้อนเยอะให้นั่งแค่ 2 คน เวลาไปหาหมูดิน แต่หากจะเอาหมวกกันน๊อก หรือต่อรถพ่วงให้ก็ยินดีรับไว้
ด้าน น.ส.วิรวรรณ เตยแก้ว ชาวบ้านในละแวกดังกล่าว กล่าวว่า ได้เห็นพัฒนาการของชาวมานิจากเมื่อก่อนอยู่ทับหรือเพิง เปลี่ยนมาเป็นบ้านยกพื้นเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด ป้องกันโรค หลังมีทางการเข้ามาแนะนำเรื่องที่อยู่อาศัย และไม่ค่อยเคลื่อนย้ายถิ่นอาศัยเหมือนเมื่อก่อนที่ผ่านมา แต่มาครั้งนี้พ่อเฒ่าไข่ ซึ่งเป็นผู้นำทับได้สร้างบ้านให้ลูกหลาน และคนในครอบครัวอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ 40 คน ในแต่ละทับหรือเผ่า ก็จะมีรถจักรยานยนต์ไว้เดินทางไปหาของสัตว์ป่า หมูดิน ไปครั้งละ 3-4 คน แต่หากไปเยี่ยมญาติพี่น้อง ซึ่งอยู่ต่างอำเภอก็จะขนกันไปครั้งละ 7-8 คนที่เห็นตามข่าว เหมือนอย่างกลุ่มนี้ใน 1 คนก็มีเฟซบุ๊กไว้ติดต่อกับคนในหมู่บ้าน ซึ่งพวกเขาก็เล่นไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ แต่ชาวบ้านก็ช่วยกันสอน เพราะในหมู่บ้านบางคนก็จะปล่อยไวไฟให้ได้สื่อสารกัน