สุราษฎร์ธานี - ชาวบ้านในอำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี กว่า100 คน ได้รวมตัวมอบดอกไม้ให้กำลังใจนายตำรวจหลังบุกจับพนันกลางงานศพ แต่ถูกอิทธิพลมืดทางการเมืองวิ่งเต้นให้ย้ายออกจากพื้นที พร้อมเดินหน้ายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมและคัดค้านคำสั่ง
เวลา 13.30 น.วันนี้ (11 มิ.ย. ) ที่หน่วยบริการประชาชนบ้านคลองสงค์ (ป้อมคลองสงค์) ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ได้มีชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย ม.14/ม.18/และ ม.25 กว่า 100 คน เข้ามอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ ร.ต.อ.มานิต กาญจนะภาชนะ รอง สวป.สภ.ท่าชนะ (ร้อยเวร 20 )หัวหน้าป้อมคลองสงค์ ที่ถูกคำสั่ง พ.ต.อ.ทักษิน ศิริโภคพัฒน์ ผกก.ให้ย้ายออกจากพื้นที่โดยมีผลในวันนี้ หลังจากที่นำกำลังบุกจับการเล่นการพนันในงานศพในพื้นที่ ม.14 ต.ประสงค์ โดยชาวบ้านอ้างว่าการที่มีคำสั่งย้ายนายตำรวจตนนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะ ร.ต.อ.มานิต มาประจำที่ป้อมแห่งนี้ทำให้อบายมุขลดลงไปมากโดยเฉพาะยาเสพติด บ่อนการพนัน รวมทั้งปัญหาต่าง ๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่
โดยนายทนงศักดิ์ โฮมวงษ์ ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า ในนามตัวแทนชาวบ้านยังต้องการให้ ร.ต.อ.มานิต อยู่ในพื้นที่ต่อเพราะเชื่อว่าอิทธิพลมืดทางการเมือง จึงขอคัดค้านคำสั่งย้ายนี้ ตั้งแต่ ร.ต.อ.อยู่ในพื้นที่นี้เข้ากับชาวบ้านได้เป็นอย่างดี ปัญหาต่างๆ ลดลงไปมาก ต่อไปจะยื่นหนังสือไปยังศูนย์ดำรงธรรมและผู้บังคับบัญชา ขอให้ ร.ต.อ.มานิตอยู่ที่ป้อมคลองสงค์นี้ต่อ
เช่นเดียวกันกับ นางสุธรรม สงค์ดำ ชาวบ้าน อีกราย กล่าวว่า อยากให้ ตำรวจนายนี้อยู่ในพื้นที่นี้ ทำงานตรงไปตรงมา ใครทำผิดก็จับ ครั้งนี้ถูกย้ายไม่เป็นธรรม เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ด้าน น.ส.ภัทรวดี วงศ์โสภา ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ตั้งแต่ ร.ต.อ.มานิต มาประจำป้อมคลองสงค์ สิ่งที่ไม่ดีลดลงไปมาก ทั้งปัญหายาเสพติด บ่อนการพนัน ซึ่งชาวบ้านไม่เห็นกับคำสั่งนี้ด้วยเพราะทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการถูกต้อง แต่ต้องมาถูกอิทธิพลคุกคาม
ขณะที่ ร.ต.อ.มานิต กาญจนะภาชนะ รอง สวป.สภ.ท่าชนะ(ร้อยเวร 20 ) หัวหน้าป้อมคลองสงค์ กล่าวขอบคุณชาวบ้านที่มาให้กำลังใจด้วยน้ำตาคลอเบ้า ว่า ในวันเกิดเหตุได้รับแจ้งจากชาวบ้านมีการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่ ม.14 จึงได้นำกำลังตำรวจไปที่เกิดเหตุเมื่อไปถึง ได้มีคนมาจับมือ และพูดขึ้นว่ามึงใหญ่มาจากไหน ที่นี่เป็นบ้านกู กูเป็นคนสั่งให้เล่นเอง แต่ตนก้ไม่ยอม
ในศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชตำรวจหากถูกแบบนี้คิดว่า ต่อไปคงไม่มีใครกล้าที่จะทำงาน เพราะว่ากลัวเงามืดในอิทธิพล โดยวันเกิดเหตุได้ติดต่อทางผู้บังคับบัญชาทางโทรศัพท์ให้รับทราบ แต่ผู้บังคับบัญชาไม่ได้รับสาย จึงรีบนำกำลังไปที่เกิดเหตุก่อน
เวลา 13.30 น.วันนี้ (11 มิ.ย. ) ที่หน่วยบริการประชาชนบ้านคลองสงค์ (ป้อมคลองสงค์) ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ได้มีชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย ม.14/ม.18/และ ม.25 กว่า 100 คน เข้ามอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ ร.ต.อ.มานิต กาญจนะภาชนะ รอง สวป.สภ.ท่าชนะ (ร้อยเวร 20 )หัวหน้าป้อมคลองสงค์ ที่ถูกคำสั่ง พ.ต.อ.ทักษิน ศิริโภคพัฒน์ ผกก.ให้ย้ายออกจากพื้นที่โดยมีผลในวันนี้ หลังจากที่นำกำลังบุกจับการเล่นการพนันในงานศพในพื้นที่ ม.14 ต.ประสงค์ โดยชาวบ้านอ้างว่าการที่มีคำสั่งย้ายนายตำรวจตนนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะ ร.ต.อ.มานิต มาประจำที่ป้อมแห่งนี้ทำให้อบายมุขลดลงไปมากโดยเฉพาะยาเสพติด บ่อนการพนัน รวมทั้งปัญหาต่าง ๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่
โดยนายทนงศักดิ์ โฮมวงษ์ ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า ในนามตัวแทนชาวบ้านยังต้องการให้ ร.ต.อ.มานิต อยู่ในพื้นที่ต่อเพราะเชื่อว่าอิทธิพลมืดทางการเมือง จึงขอคัดค้านคำสั่งย้ายนี้ ตั้งแต่ ร.ต.อ.อยู่ในพื้นที่นี้เข้ากับชาวบ้านได้เป็นอย่างดี ปัญหาต่างๆ ลดลงไปมาก ต่อไปจะยื่นหนังสือไปยังศูนย์ดำรงธรรมและผู้บังคับบัญชา ขอให้ ร.ต.อ.มานิตอยู่ที่ป้อมคลองสงค์นี้ต่อ
เช่นเดียวกันกับ นางสุธรรม สงค์ดำ ชาวบ้าน อีกราย กล่าวว่า อยากให้ ตำรวจนายนี้อยู่ในพื้นที่นี้ ทำงานตรงไปตรงมา ใครทำผิดก็จับ ครั้งนี้ถูกย้ายไม่เป็นธรรม เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ด้าน น.ส.ภัทรวดี วงศ์โสภา ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ตั้งแต่ ร.ต.อ.มานิต มาประจำป้อมคลองสงค์ สิ่งที่ไม่ดีลดลงไปมาก ทั้งปัญหายาเสพติด บ่อนการพนัน ซึ่งชาวบ้านไม่เห็นกับคำสั่งนี้ด้วยเพราะทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการถูกต้อง แต่ต้องมาถูกอิทธิพลคุกคาม
ขณะที่ ร.ต.อ.มานิต กาญจนะภาชนะ รอง สวป.สภ.ท่าชนะ(ร้อยเวร 20 ) หัวหน้าป้อมคลองสงค์ กล่าวขอบคุณชาวบ้านที่มาให้กำลังใจด้วยน้ำตาคลอเบ้า ว่า ในวันเกิดเหตุได้รับแจ้งจากชาวบ้านมีการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่ ม.14 จึงได้นำกำลังตำรวจไปที่เกิดเหตุเมื่อไปถึง ได้มีคนมาจับมือ และพูดขึ้นว่ามึงใหญ่มาจากไหน ที่นี่เป็นบ้านกู กูเป็นคนสั่งให้เล่นเอง แต่ตนก้ไม่ยอม
ในศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชตำรวจหากถูกแบบนี้คิดว่า ต่อไปคงไม่มีใครกล้าที่จะทำงาน เพราะว่ากลัวเงามืดในอิทธิพล โดยวันเกิดเหตุได้ติดต่อทางผู้บังคับบัญชาทางโทรศัพท์ให้รับทราบ แต่ผู้บังคับบัญชาไม่ได้รับสาย จึงรีบนำกำลังไปที่เกิดเหตุก่อน