สุราษฎร์ธานี - คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงให้เด็กกินขนมจีนคลุกน้ำปลา สรุปผลชี้มูลความผิด ผอ.โรงเรียนแล้ว มีความผิด 6 ข้อ โทษทางวินัยร้ายแรง 5 ข้อ ไม่ร้ายแรง 1 และ4ข้อไม่พบสิงผิดปกติ เตรียมเสนอศึกษาธิการจังหวัดพิจารณาให้ออกหรือไล่ออก ขณะที่ชาวบ้านพอใจผลการสอบไม่เป็นมวยล้มเหมือนครั้งที่ผ่านมา
จากกรณีมีผู้เผยแพร่คลิป โรงเรียนบ้านท่าใหม่ ม.17 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ให้เด็กนักเรียนอนุบาลกินขนมจีนคลุกน้ำปลาในถาดหลุม และมีเสียงถามเด็กว่า รับประทานกับน้ำปลาใช่ไหม บางรายมีลักษณะเหมือน ขนมจีนราดแกง ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล ตั้งคำถามว่า เกิดการทุจริตในโครงการอาหารกลางวันหรือไม่ พร้อมเรียกร้องให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง
ต่อมาได้มีคำสั่ง ย้ายนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผอ.โรงเรียนดังกล่าว ออกจากพื้นที่ ไปช่วยราชการประจำ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุราษฎร์ธานี เขต 2 (สพป.สฎ เขต 2 ) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ทางเขตพื้นที่การศึกษาได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนให้ตรวจสอบความผิดของ ผอ.โรงเรียนจำนวน 10 ข้อ พร้อมกันนี้ทาง ป.ป.ช.สุราษฎร์ธานี ได้เข้าตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการดำเนินการใช้จ่ายเงินอาหารกลางวัน พบปมทุจริตเพียบ
ล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลา10.00น.วันนี้ (8 มิ.ย.) พลโทโกศล ปทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อม นายสาโรจน์ บุตรเนียน ที่ปรึกษาด้านกฏหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายชุมพล ศรีสังข์ ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายประทีป ทองด้วง ผอ.สพป.สฎ เขต2 ลงพื้นที่โรงเรียนบ้านท่าใหม่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานีเพื่อติดตามผลการสอบสวนข้อเท็จจริงตามการร้องเรียน
เมื่อคณะที่ปรึกษา รมต.มาถึงได้เข้าไปที่โรงอาหารเพื่อดูอาหารกลางวันเด็กนักเรียน โดยในวันนี้ทางแม่ครัวได้จัดอาหาร ประกอบด้วย ต้มข่าไก่ ผัดเป็ดปลาดุกและผลไม้เป็นเงาะโรงเรียน จากนั้นได้มารับฟังการชี้แจงผลสรุปคณะกรรมสอบสวนข้อเท็จจริง ที่มีนายจักรรินทร์ อภิสมัย รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 2 (รอง ผอ.สพป.สฎ เขต 2) หัวหน้าชุดทีมสืบสวนข้อเท็จจริง ได้สรุปผลการสืบสวนที่ชาวบ้านร้องเรียน 10 เรื่อง มีสำนวนการสอบสวนจำนวน 8 หน้า เอกสารพยานหลักฐานกว่า 600 หน้า
โดยนายจักรรินทร์ ได้สรุปมีมูลความผิดร้ายแรงจำนวน 5 เรื่องประกอบด้วย 1.ทุจริตโครงการอาหารกลางวัน 2.ทุจริตก่อสร้างถนนคอนกรีตภายในโรงเรียน 3.ขายน้ำอัดลม 4.ขายปาล์มน้ำมันโรงเรียนนำเงินไปใช้ส่วนตัว 5.โครงการปักเสาไฟฟ้า และเรื่องที่ 6 การมีมูลแต่ไม่ร้ายแรง คือ การปรับปรุงอาคารเรียนไม่ทำตามระเบียบ และ 4 เรื่องไม่มีมูลประกอบด้วย การซ่อมแซมบ้านพักครู ปูกระเบื้องอาคารเรียน โครงการเลี้ยงไก่ และโครงการเลี้ยงปลาดุก โดยทางคณะกรรมการจะได้สรุปเสนอต่อศึกษาธิการจังหวัดเพื่อพิจารณาให้ออกหรือไล่ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งจะสามารถเสนอได้ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
ด้านพลโทโกศล ปทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการฟังการสรุปผลการสืบสวนว่า ทั้ง 5 เรื่องผิดวินัยร้ายแรง ขั้นตอนต่อจากนี้ ทางศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานีจะต้องรีบดำเนินการเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ( กศจ.สุราษฎร์ธานี) ประชุมพิจารณามีคำสั่งต่อไป
ขณะที่นายชุมพล ศรีสังข์ ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปเป็นการตั้งกรรมการสอบวินัย และคาดว่าจะเริ่มสอบวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เป็นวันทำการที่นายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผอ.โรงเรียนดังกล่าวจะต้องมาปฏิบัติงานวันแรกที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุราษฎร์ธานี เขต 2 (สพป.สฎ เขต2) หลังจากที่ลากิจครบกำหนด คาดว่าเรื่องดังกล่าวน่าจะสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จและสรุปได้ว่าจะมีมาตรการลงโทษทางวินัยร้ายแรงต่อไป
ในขณะเดียวกัน นายพล ศรัธโธ ผอ.ป.ป.ช.ประจำ จ.สุราษฎร์ธานี ยังลงพื้นที่โรงเรียนบ้านท่าใหม่ เพื่อสอบปากคำครูในโรงเรียน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนเสนอ ป.ป.ช. ภาค 8 ตั้งอนุกรรมไต่สวนเอาผิดกับ ผอ.โรงเรียน และผู้ร่วมขบวนการทุจริตอย่างต่อเนื่อง
นายประวิง ท่องวิถี พร้อมผู้ปกครองเด็กกว่า 20 คน ที่เดินทางมาติดตามผลการสอบสวนข้อเท็จจริง กล่าวว่าเมื่อทราบผลการตรวจต่างพอใจที่คณะกรรมการสรุปผลการสอบสวนชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงของ ผอ.โรงเรียนถึง 5 ข้อพร้อมขอให้ทางพื้นที่การศึกษาจัดส่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีคุณภาพมาประจำในพื้นที่ พร้อมระบุมีความเป็นห่วงความไม่ปลอดภัยของครูน้อยและขอให้ทางคณะกรรมการอย่าเอาผิดเนื่องจากต้องทำตามคำสั่งและถูกกดดันจากนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผอ.โรงเรียนดังกล่าว