ศูนย์ข่าวภูเก็ต - บริษัท ภูเก็ต ดีพ ซี พอร์ต เปิดแผนพัฒนาท่าเรือภูเก็ต หลังได้รับสัมปทานจากกรมธนารักษ์ เข้าดำเนินธุรกิจ 30 ปี ประเดิมเฟสแรก ขยายหน้าท่าอีก 60 เมตร รับเรือสำราญได้ 2 ลำ พร้อมอาคารรองรับผู้โดยสาร ปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม เสร็จภายใน 180 วัน ด้วยเงินลงทุนก้อนแรกพันล้านบาท วางแผนพัฒนาต่ออีก 3 เฟส ทั้ง ดิวตี้ฟรี ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า โรงแรมหรู คาดใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท หวังให้เป็นศูนย์กลางของเรือสำราญจากทั่วโลก
นายวัลลภ พงษ์เลื่องธรรม ผู้จัดการท่าเรือ บริษัท ภูเก็ต ดีพ ซี พอร์ต จำกัด เปิดเผยภายหลังเปิดโครงการท่าเรือภูเก็ต (Phuket Cruise Home Port) โดยมีนายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เป็นประธาน พร้อมด้วย นายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายวัลลภ พงษ์เลื่องธรรม ผู้จัดการท่าเรือ บริษัท ภูเก็ต ดีพ ซี พอร์ต จำกัด หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน เข้าร่วม ณ โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต วันนี้ (5 มิ.ย.)
เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนานาท่าเรือภูเก็ต รวมถึงรับฟังความคิดเห็นแผนพัฒนาท่าเรือภูเก็ต ภายหลังบริษัท ภูเก็ต ดีพ ซี พอร์ต ได้รับสัมปทานในการดำเนินการบริหารท่าเรือภูเก็ต เป็นเวลา 30 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2561 เป็นต้นไป ว่า
ภายหลังจากที่ บริษัท ภูเก็ต ดีพ ซี พอร์ต จำกัด ได้รับสัมปทานจากกรมธนารักษ์ให้เข้ามาดำเนินการบริหารท่าเรือภูเก็ต เป็นเวลา 30 ปี ในเนื้อที่ 106 ไร่ ทางบริษัทจึงได้กำหนดแผนในการพัฒนาออกเป็น 4 เฟส โดยเฟสแรกนั้น จะต้องดำเนินการเป็นไปตามสัญญาใน TOR ที่ทำไว้กับกรมธนารักษ์ ด้วยการลงทุนก่อสร้างอาคารสำหรับรองรับผู้โดยสารในพื้นที่ 900 ตรม.มีการปรับปรุงภูมิทัศน์รอบๆท่าเรือภูเก็ตให้เกิดความสวยงาม รวมถึงการขยายหน้าท่าให้สามารถรองรับเรือโดยสารหรือเรือสำราญให้ได้มากยิ่งขึ้น
เนื่องจากท่าเรือภูเก็ตได้ถูกออกแบบให้เป็นท่าเรือสำหรับขนส่งสินค้าตั้งแต่เริ่มต้น แต่เมื่อปริมาณสินค้าที่ผ่านท่าเรือลดลง ในขณะที่การท่องเที่ยวทางเรือมีการเติบโตเพิ่มขึ้น จึงมีเรือสำราญเข้ามาจอดเทียบท่าเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หน้าท่าที่มีอยู่ในขณะนี้มีศักยภาพไม่เพียงพอในการรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ได้
ทางบริษัทจึงได้เสนอแผนในการขยายหน้าท่าเพิ่มอีก 60 เมตร ด้วยการลงทุนขยายหน้าท่าให้ลักษณะของเสาผูกเรือ จากเดิมที่หน้าท่ามีความยาว 360 เมตร เป็น 420 เมตร สามารถรองรับเรือสำราญ หรือเรือครุย ที่มีความยาว 240 เมตร ได้พร้อมกัน 2 ลำ เป็นการเพิ่มศักยภาพของท่าเรือภูเก็ตในการรองรับการท่องเที่ยวทางทะเลด้วยเรือสำราญมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เท่าที่ทราบในอีก 2 ปี ทางกรมเจ้าท่ามีโครงการที่จะขุดลอกล่องน้ำของท่าเรือภูเก็ตเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ จากขณะนี้ที่ล่องน้ำลึกประมาณ 8 เมตร สามารถรองรับเรือที่เกินน้ำลึกได้ 200-240 เมตร ให้ลึก 12 เมตร เพื่อรับเรือขนาด 360 เมตร
โดยการปรับปรุงและขยายขีดความสามารถท่าเรือภูเก็ตจะแล้วเสร็จภายใน 18 เดือนนับจากนี้ ซึ่งเมื่อการปรับปรุงแล้วเสร็จจะทำให้ท่าเรือภูเก็ตมีศักยภาพและนักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายในการใช้ท่าเรือภูเก็ตมากยิ่งขึ้น โดยในเฟสที่ 1 นี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท และท่าเรือภูเก็ตจะลดการรองรับเรือบรรทุกสินค้าลงไปเรื่อยๆ คาดว่าภายใน 5 ปีนับจากนี้การขนส่งสินค้าจะหมดไปจากท่าเรือภูเก็ต
นายวัลลภ เปิดเผยต่อว่า การเข้ามาดำเนินการบริหารท่าเรือภูเก็ตของบริษัทนั้น ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงการปรับปรุงในเฟส 1 เท่านั้น แต่บริษัทมีเป้าหมายที่จะทำพัฒนาให้ครบทั้ง 4 เฟส ตามแผน เพื่อทำให้ท่าเรือภูเก็ตเป็นศูนย์กลางหรือฮับของเรือสำราญจากทั่วโลก ทั้งจากฝั่งอ่าวไทยและอันดามันเดินทางมาจอดเทียบท่าที่ท่าภูเก็ต ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก มีเรือสำราญจำนวนมากที่ต้องการเข้ามาจอดเทียบท่าที่ภูเก็ต แต่ที่ยังไม่เข้ามาในขณะนี้จากความไม่พร้อมในเรื่องของท่าเรือ
บริษัทจึงได้วางแผนที่จะพัฒนาต่อในเฟสที่ 2 หลังจากเฟสแรกดำเนินการแล้วเสร็จในอีก 180 วันนับจากนี้ โดยการขอใช้พื้นที่อีก 40 ไร่ ในส่วนที่อยู่ถัดไปจากพื้นที่ 106 ไร่ ในเฟสแรก ซึ่งเป็นพื้นที่ของกรมธนารักษ์ ซึ่งขณะนี้เป็นที่ตั้งของสำนักงานเจ้าท่าภูเก็ตและกรมศุลากร เพื่อพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม ทั้งร้านอาหาร ดิวตี้ฟรี ร้านจำหน่ายของที่ระลึก อาคารสำนักงาน และอื่นๆ และตามมาด้วย เฟสที่ 3 ที่วางแผนจะพัฒนาเป็นศูนย์ประชุมหรือศูนย์แสดงสินค้า และเฟสที่ 4 คือ การเจรจาขอซื้อที่ดินจากเอกชนแปลงที่อยู่ติดกับท่าเรือ พัฒนาเป็นโรงแรมหรูต่อไป
นายวัลลภ เผยเพิ่มว่า การพัฒนาท่าเรือภูเก็ตทั้ง 4 เฟส ตามที่บริษัทวางแผนไว้ คาดว่าจะใช้งบประมาณในการลงทุนไม่ต่ำกว่า 5,000 - 10,000 ล้านบาท ซึ่งทางเจ้าของบริษัทมีความพร้อมในเรื่องของเม็ดเงินลงทุน หากสามารถขอใช้พื้นที่ได้ตามแผนที่กำหนดไว้