สุราษฎร์ธานี - เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี แห่จับกุ้งขาย หลังราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง จับขายขาดทุนตันละ 30,000 บาทแต่จำเป็นต้องจับหากปล่อยไว้หมดเนื้อหมดตัว ด้านประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง เรียกร้องให้รัฐบาลหาตลาดจีนช่วย
จากสถานการณ์กุ้งแวนนาไมมีราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมาหลายสัปดาห์เนื่องจากมีปริมาณกุ้งจากประเทศอินเดียออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลกระทบให้ราคากุ้งดิ่งต่ำลงมาจนทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งไทยได้รับผลกระทบหนัก
ล่าสุดในวันนี้ (24 พ.ค.) เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่างเร่งจับกุ้งออกขายสู่ท้องตลาด ถึงแม้วันนี้เกษตรกรจับกุ้งขายต้องขาดทุนตันละประมาณ 30,000 บาท
นายกิตติศักดิ์ คงแท่น เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งบ้านห้วยทรัพย์ ม.4 ตำบลลีเล็ด อ.พุนพิน บอกว่าวันนี้จำเป็นต้องจับกุ้งที่มีขนาด 85 ตัวต่อกิโลกรัม ขายในราคา 105 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งที่ต้นทุนการผลิตตกอยู่ที่ 125 - 130 บาท แต่ยังขืนเลี้ยงไว้ต่อมีแต่จะขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาลงมาอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มจะลดลงอีก จึงจำเป็นต้องจับขายมิฉะนั้นมีแต่ขาดทุนเพิ่มขึ้น และอาจที่จะหมดเนื้อหมดตัว เพราะกุ้งกินอาหารทุกวัน และค่าน้ำมัน มีราคาเพิ่มขึ้น
ในขณะที่นายอุทัย ม่วยอารี เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในพื้นที่เดียวกัน บอกว่า ของตนจับไปก่อนหน้านี้แล้ว ขาดทุนไป 70,000 กว่าบาทเช่นเดียว
ด้านโกศล หนูกลิ่น ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคากุ้งไทยอยู่ในสถานะย่ำแย่มาก ราคาขายไม่คุ้มกับราคาต้นทุน ในขณะที่กุ้งได้ขนาดยังอยู่ในพื้นที่จำนวนหลายพันตัน เกษตรกรรายย่อยต่างเร่งจับขายกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเกษตรกรยังขืนเลี้ยงต่อไปจะต้องแบกรับการขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากกุ้งกินอาหารทุกวัน น้ำมัน และก๊าซ LPG ที่ใช้เป็นพลังงานกับเครื่องยนต์ตี่ปั่นเพิ่มอ๊อกซีเจนในน้ำมีราคาเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อยในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีที่มีมากกว่า 500 ราย ได้ผลกระทบหนัก ส่วนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งรายใหญ่ ที่ผลิตกุ้งที่มีคุณภาพ เกรดเอส่งออกไปยังตลาดประเทศญี่ปุ่น และประเทศออสเตรเลีย ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคทั้ง 2 ประเทศ ยังมั่นใจในการผลิตกุ้งของประเทศไทยที่ได้คุณภาพไม่มีสารเคมีตกค้าง แต่การเลี้ยงกุ้งในประเทศไทย มีการผลิตออกมาปีละ 300,000 ตัน จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดที่มีการผลิตกุ้งมากที่สุด ดังนั้นจะต้องหาตลาดต่างประเทศรองรับกุ้งไทย เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มีกำลังบริโภค และกุ้งไทยกำลังเป็นที่ต้องการของชาวจีน
ดังนั้นจึงวอนขอให้ทางรัฐบาลเร่งให้ความช่วยเหลือด้านการตลาดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งไทยก่อนที่จะขาดทุนอย่างย่อยยับหมดตัว


