ศูนย์ข่าวภูเก็ต - DEPA เดินหน้าเพิ่มศักยภาพดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำทะเล คลุมใน 13 ชายหาดของภูเก็ต เสนอของบผุดโครงการ สมาร์ท บีช 140 ล้านบาท ติดทั้งกล้อง CCTV จำนวน 40 ตัว สร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
นายประชา อัศวธีระ ผู้จัดการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล จำกัด สาขาภาคใต้ตอนบน หรือ DEPA กล่าวถึงความพร้อมการส่งเสริมให้ภูเก็ตเป็น เมืองสมาร์ท ซิตี ว่า ถ้าพูดถึงเรื่องของระบบโครงสร้างพื้นฐานในระบบดิจิทัลมีความสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้จังหวัดภูเก็ตมีการติดตั้งระบบฟรี WI-FI ครบทั้ง 1,000 จุดแล้ว และมีการเปิดตัวไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา นอกจากนั้น ในเรื่องของระบบเน็ตเวิร์กที่รองรับในการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ก็ครอบคลุมหมดแล้ว รวมทั้งเรื่องของวางระบบโครงสร้างพื้นฐานในเรื่องของกล้อง CCTV ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะขณะนี้ได้มีการติดตั้งไปแล้ว 1,300 ตัว
แต่สิ่งที่ทางจังหวัดกำลังจะดำเนินการเพื่อยกระดับการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำในทะเลให้มีมาตรฐาน และศักยภาพมากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วย เพื่อลดความสูญเสียจากการประสบอุบัติเหตุจมน้ำตามชายหาดต่าง ๆของจังหวัดภูเก็ต คือ การดำเนินโครงการ สมาร์ท บีช ซึ่งเป็นการนำกล้อง CCTV เข้ามาเป็นตัวช่วยเจ้าหน้าที่ให้สามารถดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบัน ต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเล่นน้ำตามชายหาดมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน แต่กำลังเจ้าหน้าที่มีจำกัด รวมทั้งช่วงระยะเวลาในการทำงาน ทำให้ที่ผ่านมา ความสูญเสียที่เกิดขึ้นมีสูงตามไปด้วย จึงจำเป็นที่จะต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วย และเสริมศักยภาพการทำงานให้ดีขึ้น
ขณะที่ทาง DEPA ได้เสนอไปยังจังหวัดเพื่อขอสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการโครงการ สมาร์ท บีช แล้ว คาดว่าจะใช้งบในการดำเนินการติดตั้งกล้อง CCTV 140 ล้าน ในจำนวน 13 หาดของภูเก็ต ซึ่งจะติดตั้งกล้องประมาณ 40 กว่าตัว การติดตั้งก็ขึ้นอยู่กับสภาพของชายหาดแต่ละแห่ง ถ้าได้รับงบประมาณมาการดำเนินการติดตั้งกล้อ งรวมทั้งการรันระบบก็ไม่น่าจะเกิน 4 เดือนก็สามารถใช้งานได้ ซึ่งสามารถทันใช้งานในช่วงไฮซีซันพอดี แต่ถ้างบประมาณที่เสนอขอไปไม่ได้รับการพิจารณาก็อาจจะเสนอให้ท้องถิ่นแต่ละท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการเอง ซึ่งเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
สำหรับโครงการ สมาร์ท บีช นั้นคิดว่าเป็นโครงการที่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยทางทะเลได้มากขึ้น และในส่วนของจังหวัดเองก็สามารถที่บอกกับประเทศต่างๆ ถึงความพร้อม และศักยภาพในการดูแลนักท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่แต่ละประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังจังหวัดภูเก็ต
นายประชา กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ทาง DEPA กำลังทดสอบระบบกล้อง CCTV ที่จะเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวบริเวณชายหาด โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นตัวช่วยในการกำหนดพื้นที่ หรือโซนเล่นน้ำ โดยเจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปสั่งการ และขีดเส้นได้เองว่าจุดเล่นน้ำที่เหมาะสมควรอยู่บริเวณใดของแต่ละหาด เพราะจุดเล่นน้ำก็จะเปลี่ยนไปตลอดเวลา ซึ่งเมื่อก่อนการที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเล่นน้ำในจุดใดก็จะใช้เชือกนำไปทำเป็นเส้นเพื่อกำหนดเขตให้นักท่องเที่ยวเล่นน้ำอยู่ในพื้นที่ที่กำหนด แต่หลังจากนำระบบดังกล่าวมาใช้เจ้าหน้าที่ก็สามารถดูได้จากสมาร์ทโฟน หากมีนักท่องเที่ยวออกนอกเขตเล่นน้ำ หรือมีเรือเข้ามาในเขตเล่นน้ำระบบก็จะแจ้งเตือน รวมทั้งจะมีการบันทึกภาพไว้ด้วยเพื่อใช้เป็นหลักฐานภายหลังได้
นอกจากนั้น เทคโนโลยีตัวนี้ยังสามารถช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการดูแลนักท่องเที่ยวที่แอบลงไปเล่นน้ำในช่วงกลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน แต่เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวไปเล่นน้ำจำนวนมาก ซึ่งอันตรายต่อชีวิตของนักท่องเที่ยว จึงได้มีการติดตั้งกล้อง CCTV ตรวจจับความร้อนเพิ่มเข้ามาเพื่อเฝ้าระวังในช่วงกลางคืน ถ้ามีคนลงไปเล่นน้ำในช่วงกลางคืนกล้องก็สามารถตรวจจับได้ และส่งข้อมูลไปยังเจ้าหน้าที่ รวมทั้งส่งไปที่ศูนย์แต่ละท้องถิ่น และศูนย์ร่วมของจังหวัดทันทีเช่นกัน ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ทราบ และออกมาตรวจสอบได้ทันที
นายประชา ยังกล่าวต่อไปอีกว่า เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความรวดเร็วระหว่างรองบประมาณ ทาง DEPA ก้ได้ทำงานคู่ขนานไปก่อนแล้ว โดยขณะนี้ได้มีการทดลองติดตั้งกล้อง CCTV ที่บริเวณหาดป่าตองแล้ว จำนวน 1 ตัว เพื่อเป็นการทดสอบระบบ ซึ่งคาดว่าหลังจากที่ทดลองระบบแล้วเสร็จกล้องก็จะสามารถใช้งานได้ เมื่องบประมาณลงมาก็จะทำให้การติดตั้งกล้องสามารถทำได้ทันที และทันใช้ในช่วงไฮซีซันที่จะถึงนี้ได้ เมื่อติดตั้งกล้องเสร็จก็จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องของความเชื่อมั่นในการดุแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว
นายประชา อัศวธีระ ผู้จัดการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล จำกัด สาขาภาคใต้ตอนบน หรือ DEPA กล่าวถึงความพร้อมการส่งเสริมให้ภูเก็ตเป็น เมืองสมาร์ท ซิตี ว่า ถ้าพูดถึงเรื่องของระบบโครงสร้างพื้นฐานในระบบดิจิทัลมีความสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้จังหวัดภูเก็ตมีการติดตั้งระบบฟรี WI-FI ครบทั้ง 1,000 จุดแล้ว และมีการเปิดตัวไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา นอกจากนั้น ในเรื่องของระบบเน็ตเวิร์กที่รองรับในการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ก็ครอบคลุมหมดแล้ว รวมทั้งเรื่องของวางระบบโครงสร้างพื้นฐานในเรื่องของกล้อง CCTV ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะขณะนี้ได้มีการติดตั้งไปแล้ว 1,300 ตัว
แต่สิ่งที่ทางจังหวัดกำลังจะดำเนินการเพื่อยกระดับการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำในทะเลให้มีมาตรฐาน และศักยภาพมากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วย เพื่อลดความสูญเสียจากการประสบอุบัติเหตุจมน้ำตามชายหาดต่าง ๆของจังหวัดภูเก็ต คือ การดำเนินโครงการ สมาร์ท บีช ซึ่งเป็นการนำกล้อง CCTV เข้ามาเป็นตัวช่วยเจ้าหน้าที่ให้สามารถดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบัน ต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเล่นน้ำตามชายหาดมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน แต่กำลังเจ้าหน้าที่มีจำกัด รวมทั้งช่วงระยะเวลาในการทำงาน ทำให้ที่ผ่านมา ความสูญเสียที่เกิดขึ้นมีสูงตามไปด้วย จึงจำเป็นที่จะต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วย และเสริมศักยภาพการทำงานให้ดีขึ้น
ขณะที่ทาง DEPA ได้เสนอไปยังจังหวัดเพื่อขอสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการโครงการ สมาร์ท บีช แล้ว คาดว่าจะใช้งบในการดำเนินการติดตั้งกล้อง CCTV 140 ล้าน ในจำนวน 13 หาดของภูเก็ต ซึ่งจะติดตั้งกล้องประมาณ 40 กว่าตัว การติดตั้งก็ขึ้นอยู่กับสภาพของชายหาดแต่ละแห่ง ถ้าได้รับงบประมาณมาการดำเนินการติดตั้งกล้อ งรวมทั้งการรันระบบก็ไม่น่าจะเกิน 4 เดือนก็สามารถใช้งานได้ ซึ่งสามารถทันใช้งานในช่วงไฮซีซันพอดี แต่ถ้างบประมาณที่เสนอขอไปไม่ได้รับการพิจารณาก็อาจจะเสนอให้ท้องถิ่นแต่ละท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการเอง ซึ่งเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
สำหรับโครงการ สมาร์ท บีช นั้นคิดว่าเป็นโครงการที่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยทางทะเลได้มากขึ้น และในส่วนของจังหวัดเองก็สามารถที่บอกกับประเทศต่างๆ ถึงความพร้อม และศักยภาพในการดูแลนักท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่แต่ละประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังจังหวัดภูเก็ต
นายประชา กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ทาง DEPA กำลังทดสอบระบบกล้อง CCTV ที่จะเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวบริเวณชายหาด โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นตัวช่วยในการกำหนดพื้นที่ หรือโซนเล่นน้ำ โดยเจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปสั่งการ และขีดเส้นได้เองว่าจุดเล่นน้ำที่เหมาะสมควรอยู่บริเวณใดของแต่ละหาด เพราะจุดเล่นน้ำก็จะเปลี่ยนไปตลอดเวลา ซึ่งเมื่อก่อนการที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเล่นน้ำในจุดใดก็จะใช้เชือกนำไปทำเป็นเส้นเพื่อกำหนดเขตให้นักท่องเที่ยวเล่นน้ำอยู่ในพื้นที่ที่กำหนด แต่หลังจากนำระบบดังกล่าวมาใช้เจ้าหน้าที่ก็สามารถดูได้จากสมาร์ทโฟน หากมีนักท่องเที่ยวออกนอกเขตเล่นน้ำ หรือมีเรือเข้ามาในเขตเล่นน้ำระบบก็จะแจ้งเตือน รวมทั้งจะมีการบันทึกภาพไว้ด้วยเพื่อใช้เป็นหลักฐานภายหลังได้
นอกจากนั้น เทคโนโลยีตัวนี้ยังสามารถช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการดูแลนักท่องเที่ยวที่แอบลงไปเล่นน้ำในช่วงกลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน แต่เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวไปเล่นน้ำจำนวนมาก ซึ่งอันตรายต่อชีวิตของนักท่องเที่ยว จึงได้มีการติดตั้งกล้อง CCTV ตรวจจับความร้อนเพิ่มเข้ามาเพื่อเฝ้าระวังในช่วงกลางคืน ถ้ามีคนลงไปเล่นน้ำในช่วงกลางคืนกล้องก็สามารถตรวจจับได้ และส่งข้อมูลไปยังเจ้าหน้าที่ รวมทั้งส่งไปที่ศูนย์แต่ละท้องถิ่น และศูนย์ร่วมของจังหวัดทันทีเช่นกัน ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ทราบ และออกมาตรวจสอบได้ทันที
นายประชา ยังกล่าวต่อไปอีกว่า เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความรวดเร็วระหว่างรองบประมาณ ทาง DEPA ก้ได้ทำงานคู่ขนานไปก่อนแล้ว โดยขณะนี้ได้มีการทดลองติดตั้งกล้อง CCTV ที่บริเวณหาดป่าตองแล้ว จำนวน 1 ตัว เพื่อเป็นการทดสอบระบบ ซึ่งคาดว่าหลังจากที่ทดลองระบบแล้วเสร็จกล้องก็จะสามารถใช้งานได้ เมื่องบประมาณลงมาก็จะทำให้การติดตั้งกล้องสามารถทำได้ทันที และทันใช้ในช่วงไฮซีซันที่จะถึงนี้ได้ เมื่อติดตั้งกล้องเสร็จก็จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องของความเชื่อมั่นในการดุแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว