พัทลุง - ทหาร และตำรวจภาค 9 ระดมกำลังกว่า 600 นาย เปิดยุทธการปราบปรามผู้มีอิทธิพล “เมืองลุง” พร้อมบุกลุยค้นสนามชนโคบ้านท่ามิหรำ และที่อื่นๆ รวม 33 จุดทั่วจังหวัด รวบผู้ต้องหาพร้อมของกลางได้จำนวนหนึ่ง
วันนี้ (18 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธ์วัฒนชัย รอง ผบช.ภ.9 ได้เป็นประธานปล่อยแถวการปราบปรามผู้มีอิทธิพลพื้นที่ จ.พัทลุง พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมเกียรติ ฤทธิ์เลื่อน ผบก.สส.ภ.9, พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา รอง ผบก.ภจว.พัทลุง, พ.ต.อ.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ ตำรวจภูธรภาค 9 ตำรวจภูธรพัทลุง, ตรัง, สตูล, สงขลา และกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร จำนวน 642 นาย ระดมกวาดล้างผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.พัทลุง จำนวน 33 จุดทั่วทั้งจังหวัด
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ในพื้นที่ จ.พัทลุง กลุ่มผู้มีอิทธิพลมักจะนำอาวุธปืนมาก่อเหตุบ่อยครั้ง และมีการยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นว่าเล่นโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และมีเหตุใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มนายก อบต.ฝาละมี พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนปล้นบ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่ อ.ปากพะยูน แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาในคดีต่างๆ ได้
จึงทำให้ตำรวจภูธรภาค 9 ภายใต้การนำของ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รอง ผบช.ภ.9 และ พล.ต.ต.สมเกียรติ ฤทธิ์เลื่อน ผบก.สส.ภ.9 ต้องเร่งกำลังเพื่อกวดขัน และปราบผู้มีอิทธิพลอย่างเร่งด่วน โดยในช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กำลังตำรวจ และทหารหลายร้อยนาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นอาวุธปืนที่คาดว่าผู้มีอิทธิพลจะพกพาอาวุธปืนเข้ามาสนามชนโคบ้านท่ามิหรำ ที่มีการชนโคกันอย่างสนุกสาน ท่ามกลางนักเล่นวัวชนกว่า 800 คน
โดยกำลังเจ้าหน้าที่ได้จู่โจม และปิดล้อมไว้ทุกด้านเพื่อป้องกันการหลบหนี และพอโคชนเสร็จเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้นเป็นรายบุคคล และตรวจค้นรถทุกคันที่เดินทางออกจากสนามกีฬาชนโค แต่ไม่พบอาวุธปืนหรือสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด ทั้งนี้ ชาวบ้านระบุว่า ก่อนที่จะมีกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจค้น 2 ชั่วโมง ได้มีการกระซิบบอกกันในหมู่นักเลงวัวชนว่าจะมีการค้นสนามชนวัว ทำให้นักเลงวัวชน และผู้มีอิทธิพลที่พกพาอาวุธปืนเข้ามาในสนามได้ทยอยเดินทางกลับ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าทำการตรวจค้นดังกล่าว
ขณะที่ผลระดมกวาดล้างผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.พัทลุง ผลการปฏิบัติตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 33 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหา พ.ร.บ.อาวุธปืน จำนวน 11 ราย ผู้ต้องหา 11 คน โดยแยกเป็นจับกุมอาวุธปืนมีทะเบียน 4 ราย ของกลางอาวุธปืน 4 กระบอก จับกุมอาวุธปืนไม่มีทะเบียน 7 ราย ของกลางอาวุธปืน 7 กระบอก ตรวจยึดอาวุธปืนไว้เพื่อตรวจสอบ จำนวน 8 กระบอก รวมอาวุธปืนทั้งสิ้น 19 กระบอก และตรวจยึดรถยนต์ไว้เพื่อตรวจสอบ จำนวน 3 คัน