ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เด็กอายุ 12 ปี ขับรถจักรยานยนต์เสียหลักล้มกลางถนน ถูกรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยวที่ขับตามหลังมาเหยียบเข้าบริเวณศีรษะดับคาที่ ใกล้สี่แยกศาลเจ้านาคา ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง
เมื่อเวลา 16.30 น. วันนี้ (14 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า เกิดรถจักรยานยนต์ชนกับรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดที่บริเวณถนนดาวรุ่งตัดใหม่ หน้าศาลเจ้าจ๋อสู่ก่งนาคา ขาออกก่อนถึงสี่แยกศาลเจ้านาคา ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย
หลังจากรับแจ้ง ร.ต.อ.ชาตรี ชูวิเชียร รอง สว.(สอบสวน) สภ.วิชิต จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.วิชิต เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสิริโรจน์ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย
ที่เกิดเหตุเป็นถนนดังกล่าวช่วงขาออก กลางถนนพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ สีฟ้า-ดำ หมายเลขทะเบียน ขนจ 591 ภูเก็ต จอดอยู่บนถนน ใกล้กันพบศพ ด.ช.ชินราช ขจัดโรคา อายุ 12 ปี นักเรียนโรงเรียนเทศบาล 2 บ้านกะทู้ สภาพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อแจ็กเกตแขนยาวสีแดง สวมกางเกงขาสั้นสีดำ นอนจมกองเลือด ที่บริเวณศีรษะเป็นรูขนาดใหญ่สมองไหลออกมากระจัดกระจายทั่วพื้นถนน ทางเจ้าหน้าที่ฯจึงได้ช่วยกันเก็บเศษสมองมาไว้ที่ศพก่อนนำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และห่างออกไปเล็กน้อย พบรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว สีขาว หมายเลขทะเบียน 31-0514 ภูเก็ต ด้านหลังรถเขียนว่า บริษัท จิรภัทรทรานสปอร์ต จำกัด แต่ไม่พบตัวคนขับ ทราบว่าเดินทางไปมอบตัวที่ สภ.วิชิต ก่อนหน้านี้แล้ว
จากการสอบถาม ด.ช.อภิสิทธ์ กงกวี อายุ 12 ปี เพื่อนผู้ตายบอกว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมด้วยผู้ตายได้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาจากสะพานหินภูเก็ต ซึ่งผู้ตายเป็นผู้ขับขี่ ส่วนตนนั่งซ้อนท้าย โดยไม่สวมหมวกกันน็อกขับมาด้วยความเร็ว นอกจากนั้น มีเพื่อนอีก 3 คน ขับมาอีกคันหนึ่ง ซึ่งผู้ตายได้ขับรถชิดขวาริมเกาะกลาง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุผู้ตายได้ขับรถเสียหลักล้มลง และร่างได้กระเด็นออกไปเลนฝั่งซ้ายทำให้รถบัสที่ขับตามหลังมาเหยียบเข้าบริเวณที่ศีรษะของผู้ตายอย่างรุนแรง ส่งผลให้เสียชีวิตทันที ส่วนตนด้วยความตกใจจึงได้รีบลุกขึ้นก่อนไปตามแม่ผู้ตายมาที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสอบสวน ขณะนี้ พ.ต.ท.พีรพันธ์ มีมาก รอง ผกก.สอบสวน สภ.วิชิต อยู่ระหว่างสอบปากคำเพื่อนผู้ตาย และสอบปากคำคนขับรถบัสเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนมอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
เมื่อเวลา 16.30 น. วันนี้ (14 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า เกิดรถจักรยานยนต์ชนกับรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดที่บริเวณถนนดาวรุ่งตัดใหม่ หน้าศาลเจ้าจ๋อสู่ก่งนาคา ขาออกก่อนถึงสี่แยกศาลเจ้านาคา ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย
หลังจากรับแจ้ง ร.ต.อ.ชาตรี ชูวิเชียร รอง สว.(สอบสวน) สภ.วิชิต จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.วิชิต เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสิริโรจน์ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย
ที่เกิดเหตุเป็นถนนดังกล่าวช่วงขาออก กลางถนนพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ สีฟ้า-ดำ หมายเลขทะเบียน ขนจ 591 ภูเก็ต จอดอยู่บนถนน ใกล้กันพบศพ ด.ช.ชินราช ขจัดโรคา อายุ 12 ปี นักเรียนโรงเรียนเทศบาล 2 บ้านกะทู้ สภาพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อแจ็กเกตแขนยาวสีแดง สวมกางเกงขาสั้นสีดำ นอนจมกองเลือด ที่บริเวณศีรษะเป็นรูขนาดใหญ่สมองไหลออกมากระจัดกระจายทั่วพื้นถนน ทางเจ้าหน้าที่ฯจึงได้ช่วยกันเก็บเศษสมองมาไว้ที่ศพก่อนนำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และห่างออกไปเล็กน้อย พบรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว สีขาว หมายเลขทะเบียน 31-0514 ภูเก็ต ด้านหลังรถเขียนว่า บริษัท จิรภัทรทรานสปอร์ต จำกัด แต่ไม่พบตัวคนขับ ทราบว่าเดินทางไปมอบตัวที่ สภ.วิชิต ก่อนหน้านี้แล้ว
จากการสอบถาม ด.ช.อภิสิทธ์ กงกวี อายุ 12 ปี เพื่อนผู้ตายบอกว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมด้วยผู้ตายได้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาจากสะพานหินภูเก็ต ซึ่งผู้ตายเป็นผู้ขับขี่ ส่วนตนนั่งซ้อนท้าย โดยไม่สวมหมวกกันน็อกขับมาด้วยความเร็ว นอกจากนั้น มีเพื่อนอีก 3 คน ขับมาอีกคันหนึ่ง ซึ่งผู้ตายได้ขับรถชิดขวาริมเกาะกลาง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุผู้ตายได้ขับรถเสียหลักล้มลง และร่างได้กระเด็นออกไปเลนฝั่งซ้ายทำให้รถบัสที่ขับตามหลังมาเหยียบเข้าบริเวณที่ศีรษะของผู้ตายอย่างรุนแรง ส่งผลให้เสียชีวิตทันที ส่วนตนด้วยความตกใจจึงได้รีบลุกขึ้นก่อนไปตามแม่ผู้ตายมาที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสอบสวน ขณะนี้ พ.ต.ท.พีรพันธ์ มีมาก รอง ผกก.สอบสวน สภ.วิชิต อยู่ระหว่างสอบปากคำเพื่อนผู้ตาย และสอบปากคำคนขับรถบัสเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนมอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป