ปัตตานี - อธิบดีกรมศิลปากรลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัล - กุรอ่าน พื้นที่นราธิวาส คาดปี 2563 จะเปิดใช้บริการได้
วันนี้ (13 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอ่าน ในพื้นที่ ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ซึ่งจัดสร้างขึ้นโดยกรมศิลปากร ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อเป็นที่เก็บของพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านที่เขียนด้วยมือลงบนเปลือกไม้มีอายุหลายร้อยปีค้นพบในพื้นที่ ต.ยี่งอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา เคยนำไปบูรณะซ่อมแซมมาแล้ว 1 ครั้งที่ประเทศตุรกี โดยรับการสนับสนุนงบประมาณจากทาง ศอ.บต. ในสมัย พ.ต.อ.ทวี สอดส่องดำรงตำแหน่งเลขาธิการในขณะนั้น
ทั้งนี้ไว้เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้มรดกทางวัฒนธรรมของชายแดนใต้ ที่เคยถูกขนานนามว่า “ระเบียงเมะกะ” นอกจากนั้นยังมีพระคัมภีร์อัลกุรอ่านที่เขียนด้วยมือลงแผ่นกระดาษขาวอีกหลายเล่ม ซึ่งล้วนเป็นพระคัมภีร์ที่บรรพชนมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เขียนขึ้นไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้แก่ลูกหลานชายแดนใต้ จึงกลายเป็นที่สนใจของมุสลิมทั้งในและต่างประเทศแห่เข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักสถาปัตยกรรม พร้อมคณะ นางสาวอนงค์ หนูแป้น ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา วัฒนธรรมจังหวัดนราธิวาส และคณะกรรมการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่เข้าตรวจสอบความคืบหน้าของการดำเนินงานโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัล - กุรอ่าน ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ประจำปีงบประมาณ 2561
ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งมีความคืบหน้าไปหลายส่วนแล้ว คาดว่าในส่วนตัวอาคารจะแล้วเสร็จปี 2562 จากนั้นก็ดำเนินการในส่วนของการแสดงสิ่งของวัตถุภายในตัวอาคารเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพระมหาคัมภีร์อัลกุอ่านโบราณปัจจุบันมีถึง 75 เล่ม ได้เก็บไว้ชั่วคราวภายในโรงเรียนมูลนิธิสมานมิตร และทางโรงเรียนก็เปิดให้เข้าชมมีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเดินทางเข้าชมยังไม่ขาดสาย คาดว่าปี 2563 จะสามารถเปิดใช้บริการพิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัล - กุรอ่านได้ทัน
