พังงา - ชาวบ้าน อ.คุระบุรี ผวาช้างป่าลงมาทำลายทรัพย์สิน พื้นที่การเกษตร จนไม่กล้าออกไปกรีดยางพาราในช่วงกลางคืน หลังจากช้างป่านิสัยเกเรยังบุกเข้ามาเล่นน้ำในสวน ทำลายต้นมะพร้าวกินยอดเป็นอาหาร ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ศรีพังงา ที่ 2 สะพานพระอร่าม ช่วยผลักดันคืนสู่ป่า แต่ยังดื้อ
สำหรับความคืบหน้ากรณีที่ช้างป่าเพศผู้ อายุประมาณ 7 ปี ออกจากป่าเทือกเขานมสาว เข้าไปกินพืชผลการเกษตรในสวนปาล์มเสียหาย และทำลายทรัพย์สิน บ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่ หมู่ 1 หมู่ที่ 2 และ ม.7 ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา จนได้รับความเสียหาย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันช้างป่าเชือกดังกล่าวยังออกมาก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ชาวบ้านในพื้นที่หวาดกลัวจะถูกช้างทำราย จนทำให้ไม่กล้าออกจากบ้านในช่วงกลางคืน ขณะที่นายเฉลิม สร้อยแสง หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ศรีพังงา ที่ 2 สะพานพระอร่าม ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ 20 นาย คอยผลักดัน เฝ้าระวังไม่ให้ช้างเชือกนี้เข้ามาในเขตบ้านเรือนประชาชน และจัดเวรยามเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อผลักดันช้างให้ออกจากป่า
ล่าสุด เมื่อคืนที่ผ่านมา ช้างเชือกนี้ได้ลงมาจากป่า และเข้าไปอยู่ในสวนยางพาราของชาวบ้านหมู่ที่ 7 ตำบล คุระ อ.คุระบุรี ซึ่ง นายกิตติศักดิ์ มีแสง อยู่บ้านเลขที่ 4/1 หมู่ที่ 7 ตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จ.พังงา เผยว่า ช้างเชือกนี้ได้เข้ามาในสวนข้างบ้านตน และใช้งวงทำลายถังใส่น้ำจนได้รับความเสียหาย และลงไปเล่นน้ำในสวนยางพาราของเพื่อนบ้าน ถึงแม้เจ้าหน้าที่ช่วยกันผลักดันให้กลับเข้าป่าไปแล้วก็ตาม แต่ยังออกมาหากินพืชผลในพืชยางพาราอยู่ ขณะนี้ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปกรีดยางพาราแล้ว ต้องหยุดงาน ทำให้ขาดรายได้ไป
ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่มีสวนยางพาราบนเขาหลังบ้าน และช้างจะลงมาในช่วงกลางคืน ทำให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดอันตรายเนื่องจากช้างเชือกดังกล่าวเป็นช้างหนุ่ม มีนิสัยก้าวร้าว กลัวว่าจะทำร้ายคน จนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ขาดรายได้จากการกรีดยางซึ่งช้างป่าที่ลงมาจากเขาจะมาหากินต้นมะพร้าว ต้นขนุน และแหล่งน้ำในสวนยาง แม้ว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ศรีพังงา ที่ 2 สะพานพระอร่าม ได้นำกำลังมาเฝ้าระวังช้างป่าให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่ให้ลงมาทำลายข้าวของ และเป็นการผลักดันช้างให้กลับเข้าไปในป่า แต่ก็ยังไม่ยอมกลับเข้าป่า
ด้าน นายสุมล จิตตรอง หมู่ที่7 บ้านบางซอย ต.คุระ อ.คุระบุรี. ซึ่งอยู่ในสวนยางพารา กล่าวว่า ช้างป่าเชือกนี้ได้เข้ามาเดินรอบบ้านของตนเอง และมายืนกินน้ำที่อ่างน้ำหน้าบ้านจนทำให้ตัวเองไม่ได้นอน และไม่กล้าออกไปกรีดยางพาราในช่วงเวลากลางคืน ส่งผลให้หลายครอบครัวขาดรายได้ไปวันละ 1,000 บาท และจะออกจากบ้านในช่วงเช้า แล้วจะรีบกลับเข้าบ้านก่อนค่ำ