ตรัง - พ่อเมืองตรังจี้ปัญหาก่อสร้างสะพานท่าแก้มดำ ช่วงข้ามแม่น้ำตรังที่ยังคงล่าช้า และสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้สัญจรไปมา เพราะล่าสุดเลยสัญญารอบสองมากว่า 2 เดือนแล้ว แต่งานก็ยังไม่แล้วเสร็จ
ผู้สื่อข่าวจังหวัดตรังรายงานว่า การก่อสร้างสะพานท่าแก้มดำ ช่วงข้ามแม่น้ำตรัง ระหว่าง อ.เมืองตรัง กับ อ.กันตัง ด้วยวงเงิน 34,484,000 บาท ยังคงประสบปัญหาล่าช้า และสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้สัญจรไปมาในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา โดยโครงการนี้เริ่มการก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2558 และจะต้องแล้วเสร็จนับตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 แต่ต่อมาต้องมีการขยายสัญญาการก่อสร้างออกไปอีกครั้ง และจะต้องแล้วเสร็จเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2561
กระทั่งล่าสุดสัญญาได้หมดลง แต่การก่อสร้างก็ยังไม่แล้วเสร็จ จนทำให้ผู้รับเหมาต้องเสียค่าปรับถึงวันละ 30,000 บาท ซึ่งจากการสำรวจจะพบเห็นเพียงแค่ตอม่อ และคานคอนกรีตเท่านั้น ส่วนสะพานเบี่ยงที่สร้างขึ้นมาชั่วคราวก็รองรับแต่รถขนาดเล็ก แถมยังเกิดอุบัติเหตุรถตกสะพานบ่อยครั้ง ขณะที่รถขนาดใหญ่ต้องเดินทางอ้อมไปไกล ส่งผลกระทบต่อขนส่งสินค้าที่ล่าช้า และมีต้นทุนที่สูงขึ้น
จากกรณีดังกล่าว นายจำนง เกษมสถิตเชวงศ์ ผู้ควบคุมงานการก่อสร้างสะพานท่าแก้มดำ ได้มาชี้แจงกับ นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และสื่อมวลชนจังหวัดตรังว่า ขณะนี้การก่อสร้างพื้นสะพานเมื่อช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา มีความล่าช้ามากเพราะขาดแรงงาน เนื่องจากชาวพม่าต้องลาไปต่ออายุการทำงานรอบใหม่ที่ จ.สุราษฏร์ธานี รวมทั้งยังมีปัญหาด้านการจัดการและบริหารโครงการของผู้รับเหมาเอง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดโครงการนี้มีความคืบหน้าไปแล้ว 71.76% โดยล่าช้ากว่าสัญญา 28.24% ซึ่งจะเร่งให้แล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2561 นอกจากนั้นหากในเดือนพฤษภาคมนี้ การก่อสร้างสะพานรั้วราวสะพานแล้วเสร็จ และมั่นใจว่ามีความปลอดภัยเพียงพอ ก็จะเปิดให้ใช้สะพานในบางส่วนทันที ส่วนตอม่อเก่าที่ยังเห็นโผล่อยู่ในแม่น้ำตรังนั้น หลังจากติดตั้งตอม่อใหม่แล้วเสร็จ ก็จะเริ่มเคลียร์ตอม่อเก่าออกไปอย่างเร่งด่วน
ขณะที่นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า จากปัญหาการก่อสร้างสะพานท่าแก้มดำ ช่วงข้ามแม่น้ำตรังที่ยืดเยื้อมายาวนานแล้วนั้น ตนได้กำชับไปยังสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดตรัง ให้ช่วยดูแลตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เพราะไม่ได้ต้องการเงินค่าปรับ แต่ต้องการให้สะพานเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนใช้สัญจรไปมาได้อย่างปลอดภัยเป็นสำคัญ
