สตูล - เมนูห้ามพลาด “ขนมดาวล้อมเดือนสะเทือนไทรโลไบต์” และหลากเมนูทะเลดึกดำบรรพ์พร้อมเสริฟรับอุทยานธรณีโลกที่สตูล
วันนี้ (24 เม.ย.) หลังจากจังหวัดสตูลได้ผ่านเกณฑ์การประเมินจากยูเนสโก ให้เป็นอุทยานธรณีโลกแล้ว หลายภาคส่วนต่างแสดงความยินดีและพัฒนาไปในทิศทางด้านการท่องเที่ยว ต้อนรับชาวต่างชาติเข้ามาสัมผัส และเชิญชวนคนสตูลและคนไทยมาร่วมกันอนุรักษ์ และประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักถึงความพิเศษของดินแดนดึกดำบรรพ์แห่งนี้ ไปพร้อมกับการร่วมต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเมืองสตูล และร่วมบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืนในทุกด้าน
และสิ่งที่สำคัญไม่ว่าตามร้านอาหารต่างคิดค้นเมนูใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อต้อนรับการเป็นอุทยานธรณีโลกของจังหวัดสตูล อย่างร้านครัวปากน้ำซี ที่มีรางวัลการันตี ชนะเลิศในงานสตูลจีโอพาร์คฟอสซิลเฟสติวัล ที่ชนะเลิศรางวัลที่ 1 ได้นำไข่แมงดา สัตว์ทะเลที่หน้าตาคล้ายกับสัตว์ดึกดำบรรพ์มาประยุกต์ดัดแปลงเป็นอาหารน่ากิน อย่างเช่น ขนมบัวลอย ขนมไทยที่ขึ้นชื่อ นำเอาไข่แมงดาที่ถือว่าเป็นอาหารคาวมาทำเป็นไส้ขนมบัวลอยน่ารับประทาน ภายใต้ชื่อที่เข้ากับกระแส อุทยานธรณีโลกของจังหวัดสตูล คือ ขนมดาวล้อมเดือนสะเทือนไทรโลไบต์ (ขนมบัวลอยไส้ไข่แมงดาทะเล)
เช่นเดียวกับ ร้านอาหารต่างๆ ที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการสตูลจีโอพาร์คฟอสซิลเฟสติวัล ในด้านทำอาหารหลากลายชนิดที่นำมาดัดแปลงให้เข้ากับยุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งทาง คุณศุภกาญจณ์ สร้อยเพชร อายุ 37 ปี ผู้จัดการร้านครัวปากน้ำซี ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล โดยทางร้านอาหารแห่งนี้ขึ้นชื่อในการแข่งขันดัดแปลงอาหาร เป็นอาหารดึกดำบรรพ์ที่ชิมน่าค้นหา โดยนำอาหารทะเลมาดัดแปลงเข้ากับชื่อที่ตั้งขึ้นมา ได้แก่ ดาวล้อมเดือนสะเทือนไทรโลไบต์ (ขนมบัวลอยไส้ไข่แมงดาทะเล), นอติลอยด์ล่องนาวา (ปลาหมึกแกงตอแม๊ะ), ลอติลอยด์น้ำดำ (ปลาหมึกผัดดำ) และ ยำแบคิโอพอท (ยำหอย)
โดยวันนี้คุณศุภกาญจณ์ สร้อยเพชร อายุ 37 ปี ผู้จัดการร้านครัวปากน้ำซี จะมาเผยการทำ ขนมดาวล้อมเดือนสะเทือนไทรโลไบต์ ที่นำอาหารทะเลอย่างไข่แมงดา อาหารที่มีกลิ่นคาว มาปรับปรุงทำเป็นขนมบัวลอยน่ารับประทานที่เข้มข้นด้วยน้ำกะทิอย่างอร่อยเลยทีเดียว
โดยเตรียมเครื่องผสมดังนี้ส่วนผสม แป้งข้าวเหนียว น้ำตาลปึก 1 ถ้วย น้ำหัวกะทิ เกลือป่น ไข่ไก่ สิ่งที่เป็นไฮไลน์ คือ ไข่แมงดาสดๆ ที่นำมาปรุงแต่เคี่ยวให้หวานวิธีทำ จากนั้น นำแป้งข้าวเหนียวใส่ลงในภาชนะสำหรับผสม ถ้าทำประมาณ 8-10 ถ้วย ควรใช้แป้งประมาณ 500 กรัม ไม่ควรผสมหมดทั้ง 500 กรัม ควรเหลือแป้งไว้นิดหน่อย เผื่อเวลาผสมแป้งเหลวเกินไป จะได้เติมแป้งส่วนที่เหลือ นำแป้งนวดกับน้ำเปล่า นวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อน แล้วแบ่งออกเป็นส่วนๆ เพื่อนำไปผสมเข้ากับสีธรรมชาติ สีดอกอัญชัน สีดอกกุหลาบ
จากนั้นปั้นแป้งเป็นเม็ดกลมพอคำ และปริให้แบบใส่ไข่แมงดาลงไปแล้วให้กลม นำไปต้มจนแป้งสุกและลอยขึ้นมา ตักขึ้นมาใส่ชามที่มีน้ำพักไว้ จากนั้นก็นำหัวกะทิใส่หม้อ และเติมน้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย โดยอัตราส่วนประมาณ กะทิ 3 ส่วน น้ำเปล่า 1 ส่วน ตั้งไฟอ่อน เติมน้ำตาลปึกลงไป เคี่ยวด้วยไฟอ่อน ต้องมั่นคนเพราะอาจจะทำให้กะทิไหม้ได้ แล้วใส่เกลือตามลงไปเล็กน้อย ต้มจนกะทิเดือดอ่อนๆ ทั่วทั้งหม้อ จากนั้นก็ดับไฟ เมื่อกะทิเดือดทั่วทั้งหม้อจึงตอกไข่ใส่ลงไป ต้มจนไข่สุกลอย ถึงเวลาเสิร์ฟก็ตักบัวลอยและตามด้วยน้ำกะทิราดลงไปยกทานทันที
สำหรับแมงดาทะเล ถือเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง จัดอยู่ในไฟลัมอาร์โธรพอด ลักษณะเด่นประกอบด้วยส่วนหัว และส่วนอกที่ติดกัน ถูกหุ้มด้วยกระดองแข็ง มีหนามแข็งด้านบน มีลักษณะคล้ายเกือกม้า ลำตัวอยู่ภายใต้กระดอง ส่วนใหญ่ชาวบ้านหรือชาวประมงมักจะจับและนำไปเป็นอาหาร โดยตัวไหนมีไข่ฟองเล็กๆ มักจะนำไปทำยำไข่แมงดาสุดอร่อย
สำหรับราคาขนมหวานถ้วยละ 50 บาท หากเป็นอาหารทะเล จาน 100 บาทถึง 1,000 บาทขึ้นไป อิ่ม เยอะ อร่อย แปลกต้องมาร้านครัวปากน้ำซี ทางเข้าก่อนถึงอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา หรือจะโทรจองได้ที่ 063-103-1300
