xs
xsm
sm
md
lg

จาก “ท่าเรือน้ำลึกปากบารา” ถึง “อุทยานธรณีสตูล” รัฐบาลจะเลือกอะไร? สมบูรณ์ คำแหง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
สมบูรณ์ คำแหง
เครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล
___________________________________________________________________________

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า องการยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้จังหวัดสตูล เป็นพื้นที่แห่งอุทยานธรณีแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นลำดับที่ 5 ในอาเซียน หลังจากความพยายามผลักดันมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 เป็นต้นมา โดยกำหนดพื้นที่อุทยานธรณี ตั้งหน่วยงานบริหารจัดการ จัดทำแผนบริหารจัดการ และดำเนินการตามแผนฯ และได้เริ่มประกาศจัดตั้งอุทยานธรณีสตูล (Satun Geopark) เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2557

จนเมื่อวันที่ 8 พ.ย.2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเสนอให้อุทยานธรณีสตูล เป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Globat Geoparks) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ และได้มอบหมายให้คณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการเสนออุทยานธรณีสูตล เป็นสมาชิกธรณีโลกของยูเนสโก ต่อสำนักเลขาธิการยูเนสโก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานว่า อุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Globat Geoparks) เป็นโครงการด้านการอนุรักษ์มรดกทางธรณีวิทยา โบราณคดี นิเวศวิทยา และวัฒนธรรม ขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) อุทยานธรณีโลก จะต้องเป็นขอบเขตพื้นที่ที่ประกอบด้วยแหล่งที่มีคุณค่าด้านธรณีวิทยา โบราณคดี นิเวศวิทยา และวัฒนธรรม มีการบริหารจัดการแบบองค์รวมระหว่างการอนุรักษ์ การให้ความรู้ การศึกษาวิจัย และการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการ เชื่อมโยงความสำคัญของมรดกทางธรณีวิทยา ผ่านการท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยา
 

 
ปัจจุบันทั่วโลกมีอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก จำนวนทั้งสิ้น 120 แห่ง ใน 33 ประเทศ โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอุทยานธรณีธรณีโลกของยูเนสโกแล้ว จำนวน 4 แห่ง ใน 3 ประเทศ ประกอบด้วย ประเทศสหพันธรัฐมาเลเซีย 1 แห่ง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม 1 แห่ง และสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 2 แห่ง

“อุทยานธรณีสตูล” (Satun Geopark) มีพื้นที่ครอบคลุม 2,597.21 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย ครอบคลุม 4 อำเภอของจังหวัดสตูล คือทุ่งหว้า มะนัง ละงู และอำเภอเมือง ด้วยลักษณะภูมิประเทศเฉพาะของจังหวัดสตูล ที่มีเทือกเขาหินปูน มีเกาะน้อยใหญ่จำนวนมาก และยังมีชายหาดที่สวยงามมากมายที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้เข้ามาสัมผัสกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์แห่งนี้ได้ไม่ยากนัก ประกอบกับพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ของที่แห่งนี้ได้เชื่อมโยงชีวิต และวิถีวัฒนธรรมของผู้คนที่นี่ ให้ดำรงอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน และมีความสงบสุขอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรไม่มากนัก แต่มีความหลากหลายของธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมมากมาย

ได้มีการค้นพบว่าแหล่งธรณีวิทยาแห่งนี้ ถือเป็นเป็นหลักฐานสำคัญของโลกใต้ทะเลเมื่อ 500 ล้านปีก่อน ที่มีการค้นพบสิ่งมีชีวิตยุคโบราณจำนวนมาก และยังเป็นแหล่งสร้างออกซิเจนให้กับโลกในช่วงเวลานั้น จนทำให้มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก จนเมื่อมีการยกตัวของเปลือกโลกก่อเกิดเป็นเทือกเขาและถ้ำ ซึ่งได้กลายเป็นบ้านหลังแรกของมนุษย์โบราณ ปัจจุบันผู้คนก็ยังดำรงชีวิตโดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของแผ่นดินนี้อยู่ และก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมประเพณีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่ชัดเจน
 

 
ด้วยความโดดเด่นทางธรณีวิทยา ภูมิประเทศ และธรรมชาติของอุทยานธรณีสตูล ก่อให้เกิดกิจกรรมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวแนวผจญภัย เช่น ล่องแก่ง ดำน้ำ เที่ยวถ้ำ การท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่น้ำตก ชายหาด รวมถึงเลือกซื้อของฝากผลิตภัณฑ์ชุมชน และสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นที่หลากหลาย และภาพโปรโมทหลักที่ทางยูเนสโกได้นำมาโชว์แสดงบนหน้าเว็บไซต์ ก็เป็นภาพของเกาะเขาใหญ่ ที่กำลังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นอย่างยิ่งในปัจจุบัน และบริเวณแห่งนี้ยังมีหลักฐานทางธรณีวิทยาสำคัญจนเป็นที่ยอมรับของนักธรณีวิทยาที่เข้าสำรวจ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์นี้ได้ และเป็นที่ประจักษ์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาว่า สถานที่ท่องเที่ยวใกล้ชายฝั่งทะเลที่มีความสวยงามอย่างเกาะเขาใหญ่ และพื้นที่ใกล้เคียง สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เชื่อว่าจากนี้ไปอุทยานธรณีสตูล (Satun Geopark) จะกลายเป็นพื้นที่ทางธรณีวิทยาระดับโลกที่มีความโดดเด่นไม่แพ้แหล่งธรณีวิทยาในประเทศอื่นๆ ที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้ว และประเทศไทย อันหมายถึงจังหวัดสตูล ก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่คนทั้งโลกให้ความสนใจมากขึ้นหลังจากนี้อย่างไม่อาจจะปฏิเสธได้

โจทย์ที่ท้าทายยิ่งต่อเรื่องนี้สำหรับรัฐบาลไทย และจังหวัดสตูลคือการบริหารจัดการ “อุทยานธรณีสตูล” แห่งนี้ให้มีความยั่งยืนได้อย่างไร ซึ่งจะต้องเป็นพื้นที่แห่งการเรียน เป็นสื่อกลางเชื่อมโยงมรดกทางธรรมชาติ มรดกทางสิ่งแวดล้อม และวิถีวัฒนธรรมของคนในพื้นที่ ทั้งนี้ จะต้องทำให้คนในพื้นที่ และคนในประเทศไทย ได้เห็นถึงคุณค่าความสำคัญของสิ่งนี้ได้อย่างแท้จริง

แล้วใครจะรู้หรือไม่ว่า “โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา” อันเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสั่งยกเลิก หรือจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปนั้น ได้ตั้งอยู่ตรงใจกลางของแหล่งอุทยานธรณีวิทยาสตูล (Satun Geopark) จึงเป็นอีกโจทย์หนึ่งของรัฐบาลที่จะต้องเลือกตัดสินใจให้ชัดเจนว่า ท่านต้องการให้อนาคตของจังหวัดสตูลเป็นอย่างไร?

(ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์อุทยานธรณีวิทยาสตูล)
 



กำลังโหลดความคิดเห็น