xs
xsm
sm
md
lg

ชกหมัดตรง : “บึ้มกลางเมืองสุไหงโก-ลก” บอกอะไรกับสังคมไทยไว้มากมาย / “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ไร้สมรรถภาพ / “บีอาร์เอ็นฯ” หันหลังให้โต๊ะเจรจาสันติสุข / การกำหนด “เซฟตี้โซน” ทำให้ จ.นราธิวาสกลายเป็นพื้นที่กระสุนตก / จับตาไฟใต้ช่วง “สงกรานต์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
คอลัมน์  :  ชกหมัดตรง
โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก
 
 
 
ระบิด 3 จุดที่กลางเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส คงจะบอกอะไรต่ออะไรได้หลายอย่าง ทั้งกับคนในพื้นที่ และกับ “กอ.รมน.ภาค 4” ส่วนหน้า ซึ่งเป็น “เจ้าภาพ” ในการรักษาความสงบและการดับไฟใต้
 
ประเด็นที่ 1 สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดภาคใต้ยังดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่ผู้นำประเทศ โดยเฉพาะ “แม่ทัพ” และใครต่อใครที่ดาหน้าออกมาแถลงข่าว
 
ประเด็นที่ 2 “โจรใต้” หรือ “แนวร่วม” หรือ “สมาชิกขบวนการบีอาร์เอ็นฯ” ไม่ได้หายไปไหน และไม่ได้หมดไปกับ “โครงการพาคนกลับบ้าน แต่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ซึ่งยังเป็นเขตอิทธิพลของขบวนการ
 
ประเด็นที่ 3 การไม่เกิดเหตุ ไม่ได้หมายความว่าเจ้าหน้าที่ป้องกันเหตุได้ หรือควบคุมพื้นที่ได้ แต่เป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาในการก่อเหตุของโจรใต้เท่านั้น
 
ประเด็นที่ 4 “ปฏิทินโจร” ที่ “แม่ทัพสั่งให้ “ยกเลิก” ยังใช้ได้อยู่ เพราะเหตุระเบิด 3 จุดที่เมืองสุไหงโก-ลก การระเบิดรถยนต์ อส.และการยิง ผรส.ที่ จ.ปัตตานี ในวันที่ 9 เม.ย. และการโจมตีฐานทหารเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ จ.ปัตตานี อาจจะมาจากตรงกับ “วันสัญลักษณ์ ของขบวนการบีอาร์เอ็นฯ เนื่องจากวันที่ 10 เม.ย.ของทุกปีคือวันครบรอบการสถาปนา “ขบวนการบีอาร์เอ็น คองเกรส”
 
ประเด็นที่ 5 “ขีดความสามารถ” ในการป้องกันเมืองของ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ยังไม่ดีพอ ทั้งที่มี “การข่าวแจ้งเตือนว่าจะมีการก่อเหตุในพื้นที่สุไหงโก-ลกมาแล้วเป็นสัปดาห์ แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังป้องกันเหตุไม่สำเร็จ
 
ประเด็นที่ 6 สถานการณ์การก่อการร้ายใน 3 จังหวัดคือ ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส กับ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ได้แก่ จะนะ เทพา นาทวีและสะบ้าย้อย จะสงบหรือไม่สงบอยู่ที่ว่าโจรใต้อยากจะก่อเหตุหรือไม่เท่านั้น ถ้าไม่อยากก่อเหตุหรือมี “เป้าหมาย” บนถนนหายไปก็ไม่มีเหตุ แต่ถ้าโจรใต้ต้องการก่อเหตุ เมื่อนั้นเหตุร้ายก็จะเกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ยัง “ไม่สามารถที่จะป้องกันเหตุร้ายได้” นั่นเอง
 
ที่น่าสังเกตคือ เมืองหน้าด่านสุไหงโก-ลกแห่งนี้มี “รูรั่ว ในการป้องกันเหตุบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับอำเภออื่นๆ ของ จ.นราธิวาส ไม่ว่าจะเป็นเมืองตากใบ หรือเมืองอื่นๆ  ซึ่งอาจจะเป็นเพราะในพื้นที่เหล่านี้มีการ “จัดงาน” ทั้งในรูปแบบ “ขายสินค้า” และ “บันเทิง” บ่อยมาก จนทำให้การป้องกันทำได้ยากขึ้น แต่การจะห้ามไม่ให้จัดงานก็คงยาก เนื่องจากนี่คือผลประโยชน์ที่ถูกอ้างว่าเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ
 
แต่ยังมีสาเหตุที่ไม่ควรมองข้ามคือ เมื่อสัปดาห์ก่อน “แกนนำ” ที่อยู่ในประเทศมาเลเซียได้ “เดินสาย” สร้างความเข้าใจกับ “แนวร่วม” ระดับหัวหน้าในพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อยืนยันถึงแนวทางของบีอาร์เอ็นฯ และของ “ดูลเลาะ แวมะนอ” หัวหน้าขบวนการว่า “ไม่ร่วม” และ “ไม่เห็นด้วย” กับ “โต๊ะพูดคุยสันติสุข” และยังจะคงยุทธศาสตร์เดิมนั่นคือ “การก่อการร้าย”
 
รวมทั้งหลังจากที่มีข่าวการเลือกพื้นที่อำเภอใดอำเภอหนึ่งของ จ.นราธิวาส ให้เป็น “เซฟตี้โซน” หรือ “พื้นที่ปลอดภัย” คือไม่ อ.เจาะไอร้อง ก็เป็น อ.ศรีสาคร ซึ่งจะเป็นการกำหนดร่วมกันระหว่างคณะพูดคุยฝ่ายไทยที่มี พล.อ.อักษรา เกิดผล เป็นหัวหน้าคณะ กับ “กลุ่มมาราปาตานี” ที่มี “มะสุกรี ฮารี” เป็นหัวหน้า สิ่งนี้ได้ทำให้ จ.นราธิวาส ได้กลายเป็นพื้นที่ “กระสุนตก” และ “ระเบิดแตก” อย่างต่อเนื่อง
 
นี่อาจจะเป็น “สัญญาณบางอย่างจากบีอาร์เอ็นฯ และจาก ดูลเลาะ แวมะนอ ที่ส่งสัญญาณถึงคนในพื้นที่ โดยเฉพาะต้องการส่งถึง “ผู้มีอำนาจ” ของประเทศไทย
 
แน่นอนนี่คือการ “ข่มขู่” เพราะบนกระดานหมากรุกของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยิ่งเล่นฝ่ายรัฐก็ยิ่งถูกต้อนเข้าสู่ “มุมอับ” และที่น่าเศร้าใจคือ บนกระดานหมากรุกนี้มีคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้กลายเป็น “ตัวประกัน” ไปเรียบร้อยแล้ว
 
ระเบิด 3 ลูกที่สุไหงโก-ลกนอกจากจะสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นแล้ว ยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เพราะเป็นระเบิดที่เกิดขึ้นในช่วงของ “เทศกาลสงกรานต์” ซึ่งเมืองหน้าด่านอย่าง “สุไหงโก-ลก” “เบตง” และ “หาดใหญ่” ต่างหวังว่าจะทำให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยว “กระเตื้องขึ้น” หลังจากที่ผ่านปีใหม่มาด้วยความ “ซบเซา” จนน่าตกใจ
 
ระเบิดครั้งนี้จึงเป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่ต้องการ “ทำลาย” เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างที่บีอาร์เอ็นฯ วางไว้ ในขณะที่เราทำได้อย่างดีทีสุดคือ ปลอบใจกันเองว่าไม่เป็นไร มีเพียงคนเจ็บ ไม่มีใครตาย และที่ถนัดทำกันนักคือ “ก่นด่า” และช่วยกัน “สาปแช่ง” ว่าเป็นฝีมือของ “พวกสุดโต่ง” แล้วก็จบกันแค่นั้น จากนั้นเราก็รอ “ระเบิดลูกต่อไป” แล้วก็ปฏิบัติการ “ปชส.” และ “IO” แบบเดิมๆ ต่อไป
 
ส่วน “คนไทยพุทธ ในพื้นที่ก็อย่าได้นำเรื่อง “โครงการพาคนกลับบ้าน มาเชื่อมโยงกับเรื่องการก่อเหตุรุนแรงเลย เพราะเป็นคนละส่วนกัน เรื่องพาคนกลับบ้านจะเป็น 400 คนหรือ 4,000 คน นั่นก็เป็นผลลัพธ์อีกเรื่องของการ “สร้างภาพหรือ “ได้ภาพ ในระดับโลก แต่เรื่องการก่อเหตุร้ายเป็นเรื่องของบีอาร์เอ็นฯ “ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจำนวนตัวเลข” ของการพาคนกลับบ้านแต่อย่างใด
 
หากเข้าใจให้ได้ตามนี้แล้วเราจะ “ไม่เจ็บใจหรือ “เสียใจ” และเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ขอให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัย จงอย่าได้ประมาท เพราะเมื่อระเบิดเกิดในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกได้ เมืองเศรษฐกิจอื่นๆ ก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน เพราะนั่นขึ้นอยู่กับว่า “คนที่ลงมือ” จะทำหรือไม่เท่านั้น
 
เพราะระเบิด 3 ลูกที่เมืองสุไหงโก-ลกนั้น บีอาร์เอ็นญฯ อาจจะเพียงพอกับการ “ฉีกหน้า” และสร้าง “ความสูญเสีย” ให้กับเราอย่างเพียงพอแล้ว จึงไม่จำเป็นที่ต้อง “เสี่ยง” อะไรต่อไปอีก เพราะการสร้าง “บาดแผล” ไว้ก่อนหน้าเทศกาลสงกรานต์จะให้เกิดขึ้นวันสองวันนี้ นั่นย่อมเป็น “ชัยชนะ” ที่เพียงพอแล้วนั่นเอง
 


กำลังโหลดความคิดเห็น