ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ตสนธิกำลังตำรวจ ทหาร อส. จู่โจมเข้าตรวจค้นภายในเรือนจำ เพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตลอดจนสิ่งผิดกฎหมาย ผลการตรวจค้นปรากฏว่า ไม่พบยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ หรือของผิดกฎหมายแต่อย่างใด
วานนี้ (29 มี.ค.) เมื่อเวลา 17.30 น. นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรพล คุปตานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายสราวุธ ภักดี ผู้อำนวยการส่วนบังคับใช้กฎหมาย สำนักงาน ป.ป ส.ภาค 8 นายสมคิด คำมั่ง ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต นางเจ๊ะฮาลือเมาะ พันทรกิจ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการสาธารณสุขภูเก็ต
เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฯประมาณ 150 นาย ทำการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตลอดจนสิ่งผิดกฎหมายภายในเรือนจำ ตามนโยบายและมาตรการเร่งด่วนในการปราบปราม และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยได้จัดแบ่งกำลังเข้าตรวจค้นเรือนนอนชาย เรือนนอนหญิง และอาคารที่ทำการ เพื่อหาโทรศัพท์มือถือ ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมาย
ผลการตรวจค้นในครั้งนี้ ปรากฏว่า ไม่พบยาเสพติด และโทรศัพท์มือถือแต่อย่างใด และทำการสุ่มตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดในผู้ต้องขังชาย จำนวน 200 คน และผู้ต้องขังหญิง จำนวน 50 คน โดยผลการสุ่มตรวจปัสสาวะผู้ต้องขังชาย และหญิง จำนวน 250 คน ไม่พบผู้เสพยาเสพติด
นายสมคิด คำมั่ง ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับการสนธิกำลังในครั้งนี้เป็นการจู่โจมตรวจค้นตามนโยบาย และมาตรการเร่งด่วนในการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ ดังนั้น จึงต้องเข้มงวดในการป้องกันการลักลอบค้ายาเสพติด จึงต้องให้ทุกหน่วยร่วมกันปฏิบัติภารกิจในเชิงรุก โดยเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เป็นหน่วยงานที่ต้องควบคุมผู้ต้องขังไว้ตามคำสั่งศาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องต่อยาเสพติด ร้อยละ 89 การปฏิบัติการจึงเกิดขึ้นเพื่อต้องการให้เรือนจำจังหวัดภูเก็ต เป็นเรือนจำสีขาวอย่างแท้จริง และปัจจุบัน เรือนจำจังหวัดภูเก็ตมีผู้ต้องขังทั้งสิ้น 2,589 คน เป็นชาย 2,223 คน หญิง 366 คน
ด้าน นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวให้โอวาทแก่ผู้ต้องขัง ว่า ทุกคนมีโอกาสในการทำผิดได้ อาจจะด้วยพลั้งเผลอ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ทุกคนมีโอกาสที่จะกลับตัวกลับใจให้เป็นคนดีของสังคมได้ ดังนั้น ขอให้ทุกคนที่เป็นผู้ต้องขังได้รู้จักใช้เวลาที่อยู่ในเรือนจำแห่งนี้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง และครอบครัว มุ่งในการฝึกฝนตนเองด้านอาชีพ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีน้ำใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีระเบียบวินัย และให้มีกำลังใจในการที่จะต่อสู้และดำเนินชีวิต ขอให้ทุกคนนั้นมีความหวังว่าครอบครัว และคนที่รักรอทุกคนอยู่ข้างนอกรอคอยทุกคนให้ได้กลับไปอยู่ร่วมกันอีกครั้ง และขอเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ต้องขังทุกคนได้ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข และกลับตัวกลับใจเป็นคนดีคืนสู่สังคมโดยเร็วที่สุด
วานนี้ (29 มี.ค.) เมื่อเวลา 17.30 น. นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรพล คุปตานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายสราวุธ ภักดี ผู้อำนวยการส่วนบังคับใช้กฎหมาย สำนักงาน ป.ป ส.ภาค 8 นายสมคิด คำมั่ง ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต นางเจ๊ะฮาลือเมาะ พันทรกิจ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการสาธารณสุขภูเก็ต
เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฯประมาณ 150 นาย ทำการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตลอดจนสิ่งผิดกฎหมายภายในเรือนจำ ตามนโยบายและมาตรการเร่งด่วนในการปราบปราม และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยได้จัดแบ่งกำลังเข้าตรวจค้นเรือนนอนชาย เรือนนอนหญิง และอาคารที่ทำการ เพื่อหาโทรศัพท์มือถือ ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมาย
ผลการตรวจค้นในครั้งนี้ ปรากฏว่า ไม่พบยาเสพติด และโทรศัพท์มือถือแต่อย่างใด และทำการสุ่มตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดในผู้ต้องขังชาย จำนวน 200 คน และผู้ต้องขังหญิง จำนวน 50 คน โดยผลการสุ่มตรวจปัสสาวะผู้ต้องขังชาย และหญิง จำนวน 250 คน ไม่พบผู้เสพยาเสพติด
นายสมคิด คำมั่ง ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับการสนธิกำลังในครั้งนี้เป็นการจู่โจมตรวจค้นตามนโยบาย และมาตรการเร่งด่วนในการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ ดังนั้น จึงต้องเข้มงวดในการป้องกันการลักลอบค้ายาเสพติด จึงต้องให้ทุกหน่วยร่วมกันปฏิบัติภารกิจในเชิงรุก โดยเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เป็นหน่วยงานที่ต้องควบคุมผู้ต้องขังไว้ตามคำสั่งศาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องต่อยาเสพติด ร้อยละ 89 การปฏิบัติการจึงเกิดขึ้นเพื่อต้องการให้เรือนจำจังหวัดภูเก็ต เป็นเรือนจำสีขาวอย่างแท้จริง และปัจจุบัน เรือนจำจังหวัดภูเก็ตมีผู้ต้องขังทั้งสิ้น 2,589 คน เป็นชาย 2,223 คน หญิง 366 คน
ด้าน นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวให้โอวาทแก่ผู้ต้องขัง ว่า ทุกคนมีโอกาสในการทำผิดได้ อาจจะด้วยพลั้งเผลอ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ทุกคนมีโอกาสที่จะกลับตัวกลับใจให้เป็นคนดีของสังคมได้ ดังนั้น ขอให้ทุกคนที่เป็นผู้ต้องขังได้รู้จักใช้เวลาที่อยู่ในเรือนจำแห่งนี้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง และครอบครัว มุ่งในการฝึกฝนตนเองด้านอาชีพ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีน้ำใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีระเบียบวินัย และให้มีกำลังใจในการที่จะต่อสู้และดำเนินชีวิต ขอให้ทุกคนนั้นมีความหวังว่าครอบครัว และคนที่รักรอทุกคนอยู่ข้างนอกรอคอยทุกคนให้ได้กลับไปอยู่ร่วมกันอีกครั้ง และขอเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ต้องขังทุกคนได้ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข และกลับตัวกลับใจเป็นคนดีคืนสู่สังคมโดยเร็วที่สุด