สุราษฎร์ธานี - เกิดเหตุดินถล่มทับคนงานเกือบฝังทั้งเป็น ที่สำนักสงฆ์หลวงพ่อเณร อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ขณะเข้าขุดดินที่ฐานองค์พระเพื่อเคลื่อนย้ายเปลี่ยนทิศ โชคดีอาสาสมัครกู้ภัยนำฝาครอบออกซิเจนช่วยไว้ทัน ขณะเกิดเหตุมีการประทับทรงร่างหญิงสาว อ้างเป็นหลวงพ่อเณรบอกครั้งนี้แค่สั่งสอนไม่เอาถึงตาย ที่คณะกรรมการวัดขยับองค์พระหันหน้าเปลี่ยนทิศจากของเดิม
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ ( 24 มี.ค.) ที่สำนักสงฆ์บางปริง (หลวงพ่อเณร) ม.3 ต.ทุ่งรัง อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ได้เกิดเหตุดินถล่มทับคนงานก่อสร้างที่กำลังขุดดินรอบฐานองค์พระพุทธรูปหน้าตักประมาณ 4 เมตร เพื่อปรับปรุงฐานองค์พระที่ทรุดเอียง
ขณะที่คนงานกำลังขุดดินอยู่นั้น ดินได้เกิดทรุดตัวถลมลงทับนายวีระยุทธ บุญสุวรรณ อายุ 54 ปี 1ในคนงานจำนวน 5 คนที่กำลังขุดดิน ดินได้ถล่มทับคนร่างถึงลำคอ เพื่อนๆและอาสาสมัครกู้ภัยที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุได้เข้าทำการช่วยเหลือและได้ใช้ฝาครอบออกซิเจนครอบใบหน้าผู้เคราะห์ร้ายขณะที่กำขุดดินอยู่นั้นดินได้เกิดถล่มรอบ 2แต่ครั้งนี้องค์พระได้ทรุดตัวและล้มลงอีกทางหนึ่งแต่ก็มีดินส่วนหนึ่งได้ไหลลงทับคนงานจนมิดหายไปทั้งร่าง
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เร่งระดมการช่วยเหลือ ซึ่งก็นับว่าโชคยังดีที่ผู้เคราะห์ร้ายมีสายออกซิเจนติดอยู่ที่ปากและจมูกจึงไม่หมดอากาศหายใจ ซึ่งการช่วยเหลือเป็นไปอย่างค่อนข้างลำบาก เนื่องจากต้องระวังดินถล่มลงรอบที่ 3 และร่างผู้เคราะห์ร้ายถูกฝังอยู่ใต้ดิน หน่วยกู้ภัยต้องใช้จอบและเสียมขุดดินออกแต่ด้วยดินจำนวนมากจึงใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง จึงสามารถช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายขึ้นมาได้ท่ามกลางการลุ้นระทึกของบรรดาไทยมุง
หลังช่วยเหลือผู้เคราะห์ขึ้นมาแล้ว นางสาวนัยนา คงสาย ที่ยืนดูเหตุการณ์เกิดอาการผิดปกติ พร้อมส่งเสียงระบุว่าตนเป็นหลวงพ่อเณรผู้ก่อตั้งสำนักสงฆ์แห่งนี้ และระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงแค่ลงโทษสั่งสอนกับคนที่ล่วงเกินที่จะดำเนินการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนทิศขององค์พระที่ตั้งประดิษฐานอยู่ พร้อมระบุว่าเคยเตือนไปแล้วอย่าไปยุ่งปล่อยให้อยู่อย่างนั้น ซึ่งครั้งนี้เป็นเพียงแค่สั่งสอนไม่เอาถึงตาย ส่วนองค์พระที่เสียหายนั้นกำชับให้นำกลับมาซ่อมแซมไม่ต้องสร้างใหม่และให้หันหน้าไปทางทิศเดิมจากนั้นได้ออกจากทรงไป
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามคณะกรรมการของสำนักสงฆ์แห่งนี้ก็ได้คำตอบว่า เป็นเรื่องจริงที่ทางคณะกรรมส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะปรับปรุงฐานองค์พระที่เกิดทรุดตัวพร้อมกลับจะหันเปลี่ยนทิศของหน้าองค์พระจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเจ้าอาวาสได้เตือนแล้วว่าอย่าไปยุ่งท่าน อยู่อย่างนั้นก็ปล่อยให้อยู่อย่างนั้น แต่ทางคณะกรรมการไม่ยอมเชื่อฟัง จึงเกิดเหตุขึ้น หลังเกิดเหตุชาวบ้านต่างวิพากวิจารณ์กันถึงเรื่องดังกล่าวว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่
