ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำทุก สภ.จะต้องยึดหลักบริการประชาชน ขณะที่การปราบปรามอาชญากรรมดำเนินการเข้มข้น โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (22 มี.ค.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อมอบนโยบายให้แก่ข้าราชการตำรวจระดับหัวหน้าสถานี และรองหัวหน้าสถานี รวมทั้งนายตำรวจที่มีการแต่งตั้ง และโยกย้ายมาดำรงตำแหน่งใหม่ โดยมี พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผู้บังคับการตำรวจภูธรในพื้นที่ 8 หัวหน้าสถานีตำรวจภูธร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับ
พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อมอบนโยบายให้ข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งและโยกย้ายใหม่ทุกนายเพื่อนำไปปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ตำรวจทุกสถานีจะต้องให้ให้ความสำคัญในเรื่องของการบริการประชาชน ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และการพัฒนาสายตรวจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะสายตรวจถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้ชิด และเข้าถึงประชาชนมากที่สุด เพราะฉะนั้น จะต้องทำงานอยู่ในกฎระเบียบที่กำหนด รวมไปถึงเรื่องของการแต่งกายที่เหมาะสม และถูกระเบียบ ต่อไปจะมีการประกวดสายตรวจดีเด่นระดับจังหวัด ระดับภาคด้วย เพื่อให้เกิดความกระตือรือร้นในการทำงาน
นอกจากนั้น สิ่งที่จะต้องปรับปรุงให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา คือ งานวิทยุ หัวหน้าสถานีก็จะต้องพกวิทยุติดตัวตลอดเวลา และสามารถสั่งการได้ตลอดเวลา ส่วนการระดมกวาดล้างอาชญากรรมจะต้องทำต่อเนื่องในกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ทั้งอาวุธปืน ยาเสพติด นักเรียนรวมกลุ่มซิ่งรถจักรยานยนต์ หนี้นอกระบบ และคดีค้างเก่า จะต้องดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรม และสิ่งที่ทุกสถานีจะต้องดำเนินการ และรายงานผู้บังคับบัญชาทราบทุกครั้ง คือ คดีอาชญากรรมพิเศษที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ บางกรั้งมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยอื่นเข้ามามีส่วนร่วมในการจับกุม ซึ่งเรื่องนี้จะต้องรายงานทุกครั้ง
โดยเฉพาะพื้นที่ภาค 8 เป็นเมืองท่องเที่ยว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยอื่นๆ ในการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น กรณีนักท่องเที่ยวแทงกันเสียชีวิต ที่เกาะสมุย ถ้าไม่มีการประสานความร่วมมือกัน คนร้ายหนีออกนอกประเทศอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญจะต้องรายงานให้ทราบทุกครั้งเพื่อให้เกิดความร่วมมือกันในการทำงาน และจะต้องทำงานเป็นทีมจึงจะทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพ
พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ยังได้กล่าวต่อไปว่า ในการทำงานของข้าราชการตำรวจสิ่งที่จะต้องคำนึงถึง คือ เรื่องของยุทธวิธีในการตรวจค้น การเข้าจุดเกิดเหตุ ซึ่งจะต้องมีการอบรมให้ความรู้ การนำสามงามมาใช้กรณีการเข้าระงับเหตุคนอาละวาด และกรณีอื่นได้ ซึ่งที่สถานีตำรวจจะต้องนำมาใช้และฝึกยุทธวิธีให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเพื่อลดความสูญเสีย
ส่วนกรณีการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ตำรวจภธณภาค 8 พล.ต.ท.วรเกียรติ กล่าวว่า พื้นที่ภาค 8 เป็นพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี เพราะฉะนั้น จะต้องให้ความสำคัญต่อการท่องเที่ยวเป็นหลัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเน้นในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว แต่จะต้องไม่ลืมในเรื่องของการเฝ้าระวังกลุ่มคนร้ายที่แฝงตัวเข้ามาก่อคดีในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการร่วมมือกับทางตำรวจสากล ตม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังอยู่แล้ว สวนเรื่องยาเสพติดก็เช่นกัน เป็นเรื่องที่จะต้องปราบปรามให้สิ้นซาก โดยเฉพาะการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในสถานบันเทิงต่างๆ จะต้องไม่มีเด็ดขาด
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (22 มี.ค.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อมอบนโยบายให้แก่ข้าราชการตำรวจระดับหัวหน้าสถานี และรองหัวหน้าสถานี รวมทั้งนายตำรวจที่มีการแต่งตั้ง และโยกย้ายมาดำรงตำแหน่งใหม่ โดยมี พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผู้บังคับการตำรวจภูธรในพื้นที่ 8 หัวหน้าสถานีตำรวจภูธร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับ
พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อมอบนโยบายให้ข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งและโยกย้ายใหม่ทุกนายเพื่อนำไปปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ตำรวจทุกสถานีจะต้องให้ให้ความสำคัญในเรื่องของการบริการประชาชน ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และการพัฒนาสายตรวจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะสายตรวจถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้ชิด และเข้าถึงประชาชนมากที่สุด เพราะฉะนั้น จะต้องทำงานอยู่ในกฎระเบียบที่กำหนด รวมไปถึงเรื่องของการแต่งกายที่เหมาะสม และถูกระเบียบ ต่อไปจะมีการประกวดสายตรวจดีเด่นระดับจังหวัด ระดับภาคด้วย เพื่อให้เกิดความกระตือรือร้นในการทำงาน
นอกจากนั้น สิ่งที่จะต้องปรับปรุงให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา คือ งานวิทยุ หัวหน้าสถานีก็จะต้องพกวิทยุติดตัวตลอดเวลา และสามารถสั่งการได้ตลอดเวลา ส่วนการระดมกวาดล้างอาชญากรรมจะต้องทำต่อเนื่องในกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ทั้งอาวุธปืน ยาเสพติด นักเรียนรวมกลุ่มซิ่งรถจักรยานยนต์ หนี้นอกระบบ และคดีค้างเก่า จะต้องดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรม และสิ่งที่ทุกสถานีจะต้องดำเนินการ และรายงานผู้บังคับบัญชาทราบทุกครั้ง คือ คดีอาชญากรรมพิเศษที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ บางกรั้งมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยอื่นเข้ามามีส่วนร่วมในการจับกุม ซึ่งเรื่องนี้จะต้องรายงานทุกครั้ง
โดยเฉพาะพื้นที่ภาค 8 เป็นเมืองท่องเที่ยว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยอื่นๆ ในการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น กรณีนักท่องเที่ยวแทงกันเสียชีวิต ที่เกาะสมุย ถ้าไม่มีการประสานความร่วมมือกัน คนร้ายหนีออกนอกประเทศอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญจะต้องรายงานให้ทราบทุกครั้งเพื่อให้เกิดความร่วมมือกันในการทำงาน และจะต้องทำงานเป็นทีมจึงจะทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพ
พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ยังได้กล่าวต่อไปว่า ในการทำงานของข้าราชการตำรวจสิ่งที่จะต้องคำนึงถึง คือ เรื่องของยุทธวิธีในการตรวจค้น การเข้าจุดเกิดเหตุ ซึ่งจะต้องมีการอบรมให้ความรู้ การนำสามงามมาใช้กรณีการเข้าระงับเหตุคนอาละวาด และกรณีอื่นได้ ซึ่งที่สถานีตำรวจจะต้องนำมาใช้และฝึกยุทธวิธีให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเพื่อลดความสูญเสีย
ส่วนกรณีการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ตำรวจภธณภาค 8 พล.ต.ท.วรเกียรติ กล่าวว่า พื้นที่ภาค 8 เป็นพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี เพราะฉะนั้น จะต้องให้ความสำคัญต่อการท่องเที่ยวเป็นหลัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเน้นในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว แต่จะต้องไม่ลืมในเรื่องของการเฝ้าระวังกลุ่มคนร้ายที่แฝงตัวเข้ามาก่อคดีในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการร่วมมือกับทางตำรวจสากล ตม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังอยู่แล้ว สวนเรื่องยาเสพติดก็เช่นกัน เป็นเรื่องที่จะต้องปราบปรามให้สิ้นซาก โดยเฉพาะการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในสถานบันเทิงต่างๆ จะต้องไม่มีเด็ดขาด