ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาวบ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เร่งเก็บหมากสุกนำมาผ่า และตากแดดขาย สร้างรายได้ในช่วงหน้าแล้ง และปิดกรีดยางพารา
หมากเป็นไม้ยืนต้นที่ปลูกง่ายประมาณ 5- 8 ปี ก็จะให้ผลผลิต และจะให้ผลผลิตยาวนานกว่า 20-30 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีใครปลูกกัน ที่เห็นมักจะเป็นต้นหมากที่มีมาแล้วตั้งแต่สมัยก่อน อายุนับ 10 ปีเป็นอย่างน้อย ซึ่งที่ บ.ตะโล๊ะ ม. 8 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีต้นหมากอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะปลูกใกล้กับบ้านเพื่อแสดงเป็นแนวริมรั้ว หรือเขตบ้านเรือน บางส่วนก็ปลูกแซมอยู่ในสวนมะพร้าว สวนยางพาราบ้าง
นายบูสมาน จิตตรง ครอบครัวพัฒนาตัวอย่างใน บ.ตะโล๊ะ ม. 8 เปิดเผยว่า ช่วงหน้าแล้ง ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านมักจะใช้เวลาว่างหาอาชีพอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวแทนการกรีดยางพารา ซึ่งจะหยุดกรีดในระยะหน้าร้อนของทุกปี ซึ่งการเก็บหมากที่มีกันแทบทุกครัวเรือนในพื้นที่ก็เป็นอีกช่องทางการทำกิน โดยหมากจะออกลูก และสุก เริ่มเก็บได้ตั้งแต่ประมาณกลางเดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคมของทุกปี
ซึ่งจะเก็บเฉพาะหมากที่สุกจนเหลืองนำมาผ่าซีกแล้วตากแดดประมาณ 3 วัน แล้วจึงแคะเนื้อหมากออกมาเก็บใส่กระสอบเอาไว้ และสามารถนำไปขายได้ บางรายที่มีต้นหมากจำนวนมากสามารถทำรายได้กว่า 4-5 หมื่นบาทต่อฤดูกาลเลยทีเดียว
ด้าน นางหรอเมี๊ยะ สลำหมาด อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/1 ม. 8 บ.ตะโล๊ะ ผู้รับซื้อหมากบอกว่า พอถึงช่วงนี้ของทุกปีตนเองจะรับซื้อหมากเพื่อนำไปขายต่อให้แก่พ่อค้าที่ อ.กงหรา จ.พัทลุง โดยจะซื้อหมากสุกแบบสดๆ ด้วย ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 3-4 บาท ส่วนหมากที่ผ่าตากแห้งเรียบร้อยราคากิโลกรัมละ 25-35 บาท ตามความสวยของเนื้อหมาก โดยต้องนำมาตากแดดอีกประมาณ 2 วัน ให้แห้งสนิทจริงๆ เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดเชื้อราที่จะทำให้หมากเสียหาย
สำหรับราคาหมากแห้งในปีนี้ไม่สูงมาก ตอนที่หมากแห้งเริ่มออกสู่ตลาดใหม่ๆ ราคากิโลกรัมละ 40 บาท แต่ในช่วงนี้ราคาตกลงมา ซึ่งพ่อค้ารายใหญ่แจ้งว่าเป็นเพราะหมากแห้งในโกดังยังระบายออกไม่หมด แต่ตนเองคิดว่ายังดี และทำได้เพราะการเก็บรักษาไม่ยาก ไม่ต้องลงทุนเยอะ ส่วนคนที่จะเอามาขายก็ใช้เวลาว่างในการเก็บและนำมาแคะ สามารถทำเป็นอาชีพเสริมช่วงว่างเว้นจากอาชีพหลักได้เป็นอย่างดี ทดแทนรายได้จากยางพาราที่ราคาตกต่ำ และยังหยุดกรีดกันในช่วงนี้