ศูนย์ข่าวภาคใต้ - เปิดความคืบหน้ากรณี 7 เอ็นจีโอจับมือนักวิชาการรวมตัวกันฟ้องอาญา “เสรี พงศ์พิศ” ทำเอกสารปลอมรื้อทิ้ง “กรรมการมูลนิธิหมู่บ้าน” ยกชุด แล้วตั้งคนใกล้ชิดเข้าไปแทน เผยคดีลากยาวมาแล้วกว่าปี ล่าสุด ศาลนัดจำเลย 21 พ.ค.นี้
แหล่งข่าวผู้คร่ำหวอดในวงการนักพัฒนาเอกชน หรือเอ็นจีโอ (NGOs) เปิดเผย “MGR Online ภาคใต้” ถึงกรณีที่มีนักพัฒนาเอกชนร่วมกับนักวิชาการรวม 7 คน นำโดย นายวิชิต นันทวรวัน หรือนันทสุวรรณ รวมตัวกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อ นายเสรี พงศ์พิศ หรือพงศ์พิศ ซึ่งตกเป็นจำเลยเมื่อวันที่ 7 พ.ย.2559 ตามคดีหลายเขดำ ที่ อ.3645/2559 ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าทางบคดีล่าสุด คือ ศาลอาญาได้มีการนัดหมายให้นายเสรี ไปศาลในวันที่ 21 พ.ค.2561 นี้ ภายหลังจากที่การดำเนินคดีมีเหตุต้องยืดเยื้อมานาน
สำหรับฝ่ายโจทก์ที่ประกอบด้วย นักพัฒนาเอกชน และนักวิชาการรวม 7 คนนั้น ได้แก่ 1.นายวิชิต นันทวรวัน 2.นายปรีชา อุยตระกูล 3.นายทองดี โพธิยอง 4.นายพิทยา ว่องกุล 5.นายทองแท่ง ชูวาธิวัฒน์ 6.นายประภาส สุทธิอาคาร และ 7.นายจำนง แรกพินิจ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรรมการมูลนิธิหมู่บ้าน นิติบุคคลตามกฎหมายที่ได้รับอนุญาตจัดตั้งจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนาธรรมแห่งชาติเมื่อปี 2531 ได้รวมตัวกันฟ้องคดีอาญา นายเสรี ในฐานะที่เป็นประธานกรรมการมูลนิธิดังกล่าว ในข้อหาหรือฐานความผิด กล่าวคือ
กระทำการหรือไม่กระทำการ เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการเสียหายแก่นิติบุคคล บุคคล ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของมูลนิธิ ปลอมแปลงเอกสารของมูลนิธิ บุคคล ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของมูลนิธิ ทำเอกสารด้วยลงข้อความเท็จในเอกสารของมูลนิธิ หรือที่เกี่ยวกับมูลนิธิ เพื่อลวงให้มูลนิธิหรือกรรมการมูลนิธิต้องขาดประโยชน์อันควรได้ ปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอมแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ
แหล่งข่าวบอกเล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีอาญากันในครั้งนี้ เป็นผลมาจากนายเสรี ได้จัดทำรายงานการประชุมสามัญ ครั้งที่ 1/2556 ของคณะกรรมการมูลนิธิ ลงวันที่ 5 ก.ย.2556 โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับกรรมการมูลนิธิชุดเดิมหมดวาระ แล้วที่ประชุมได้มีการแต่งตั้งกรรมการมูลนิธิชุดใหม่ขึ้นมาแทน ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ได้มีการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิในวันดังกล่าว จนนำไปสู่การดำเนินงานของมูลนิธิในด้านต่างๆ และเกิดความเสียหายในเวลาต่อมา
“เรื่องราวที่เกิดขึ้นจนนำไปสู้การฟ้องร้องกันเป็นคดีอาญาครั้งนี้ หลายคนเชื่อว่า อาจจะเป็นอีกหนึ่งมหากาพย์ความไม่ชอบมาพากล รวมถึงความขัดแย้งในแวดวงเอ็นจีโอ รวมถึงวงการวิชาการที่เกี่ยวข้องต่อการเดินหน้าพัฒนาประเทศในภาคประชาชนเลยทีเดียว ซึ่งคนในวงการต่างจับตา และให้ความสำคัญติดตามในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด” แหล่งข่าวตบท้าย