สุราษฎร์ธานี - ผู้การสุราษฎร์ฯ ยันเจ้าหน้าที่ดูแลเข้มเรื่องอาวุธ แต่เหตุที่เกิดขึ้นเหตุทั้งคู่มีอาวุธที่มีใบอนุญาต ด้านผู้ว่าฯ ลั่นหลังเกิดเหตุขอทบทวนการใบอนุญาตปืนทั้ง 3 เกาะ โดยไม่มีกำหนด
จากกรณี นายสุนทรียา ชัยเพ็ชร อายุ 45 ปี และนายติณภพ เพชรรัตน์ อายุ 26 ปี ผู้ประกอบการธุรกิจเจ็ตสกีเช่าบนชายหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดฉากใช้อาวุธปืนสั้นดวลกันสนั่นชายหาดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ท่ามกลางสายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่กำลังพักผ่อนอยู่บนชายหาดจำนวนหลายร้อยคน ผลทำให้ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ล่าสุด พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ผู้ก่อเหตุทั้งสองฝ่ายใช้ความรุนแรงในที่สาธารณะ ที่เป็นชายหาดแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และท่ามกลางนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากที่กำลังพักผ่อน ซึ่งที่ผ่านมา ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้มาก่อน
สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะปัญหาความขัดแย้งส่วนตัวในด้านการประกอบธุรกิจให้เช่าเจ็ตสกี ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ตนได้กำชับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มีการตรวจตราอย่างเข้มงวดในเรื่องของอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน แต่จาการตรวจสอบอาวุธทั้ง 2 กระบอก มีใบอนุญาต ที่ทางจังหวัดออกให้ (ป.12) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถดำเนินการต่อบุคคลทั้ง 2 ได้ หลังเกิดเหตุแล้วจะได้สรุปเหตุรายงานต่อทางจังหวัดให้ดำเนินการต่อไป
ด้าน นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้รับรายงานจากพื้นที่แล้วว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความขัดแย้งเรื่องส่วนตัว และมีการพกพาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปโดยมีใบอนุญาต ป.12 ซึ่งเรื่องดังกล่าวย่อมส่งกระทบต่อการท่องเที่ยวในภาพรวมของจังหวัด
หลังจากนี้ ทางจังหวัดจะทบทวนการออกใบอนุญาต (ป.12 )ให้ประชาชนในพื้นที่ เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ออกไปโดยไม่มีกำหนด หรืออาจไม่ออกให้ใครเลย เนื่องจากพื้นที่เกาะทั้ง 3 เกาะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และเป็นนโยบายของทางจังหวัดที่ต้องการให้ทั้ง 3 เกาะ ปลอดอาวุธ
จากกรณี นายสุนทรียา ชัยเพ็ชร อายุ 45 ปี และนายติณภพ เพชรรัตน์ อายุ 26 ปี ผู้ประกอบการธุรกิจเจ็ตสกีเช่าบนชายหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดฉากใช้อาวุธปืนสั้นดวลกันสนั่นชายหาดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ท่ามกลางสายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่กำลังพักผ่อนอยู่บนชายหาดจำนวนหลายร้อยคน ผลทำให้ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ล่าสุด พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ผู้ก่อเหตุทั้งสองฝ่ายใช้ความรุนแรงในที่สาธารณะ ที่เป็นชายหาดแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และท่ามกลางนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากที่กำลังพักผ่อน ซึ่งที่ผ่านมา ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้มาก่อน
สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะปัญหาความขัดแย้งส่วนตัวในด้านการประกอบธุรกิจให้เช่าเจ็ตสกี ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ตนได้กำชับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มีการตรวจตราอย่างเข้มงวดในเรื่องของอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน แต่จาการตรวจสอบอาวุธทั้ง 2 กระบอก มีใบอนุญาต ที่ทางจังหวัดออกให้ (ป.12) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถดำเนินการต่อบุคคลทั้ง 2 ได้ หลังเกิดเหตุแล้วจะได้สรุปเหตุรายงานต่อทางจังหวัดให้ดำเนินการต่อไป
ด้าน นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้รับรายงานจากพื้นที่แล้วว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความขัดแย้งเรื่องส่วนตัว และมีการพกพาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปโดยมีใบอนุญาต ป.12 ซึ่งเรื่องดังกล่าวย่อมส่งกระทบต่อการท่องเที่ยวในภาพรวมของจังหวัด
หลังจากนี้ ทางจังหวัดจะทบทวนการออกใบอนุญาต (ป.12 )ให้ประชาชนในพื้นที่ เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ออกไปโดยไม่มีกำหนด หรืออาจไม่ออกให้ใครเลย เนื่องจากพื้นที่เกาะทั้ง 3 เกาะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และเป็นนโยบายของทางจังหวัดที่ต้องการให้ทั้ง 3 เกาะ ปลอดอาวุธ
