สุราษฎร์ธานี - กำลังฝ่ายปกครองอำเภอบ้านาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี บุกจับเอเยนต์ยาบ้ารายใหญ่ ได้ผู้ต้องหา 1 ราย สามารถหลบหนีการไล่ล่าไปได้ 2 ราย ยึดของกลางที่ฝังดินไว้หลังบ้านเกือบ 50,000 เม็ด เตรียมขยายผลออกหมายจับคนร่วมขบวนการเพิ่ม
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (16 ก.พ.) นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายบรรเจิด สาริพัฒน์ นายอำเภอบ้านนาสาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านนาสาร ป.ป.ส.ภาค 8 ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายสุเมธ ทองคลอด หรือหลง ห้วยมุด อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/1 บ้านห้วยมุด ตำบลนาสาร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมยาบ้าชนิดสีส้ม จำนวน 41,200 เม็ด
ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุดปราบปรามยาเสพติดของอำเภอบ้านนาสาร ได้สืบทราบ ว่า นายสุเมธ ทองคลอด หรือฉายาหลง ห้วยมุด พร้อมพวกได้รับยาบ้ามาจากเอเยนต์นอกพื้นที่ เพื่อนำมาจำหน่ายให้แก่กลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มผู้ใช้แรงงานในพื้นที่อำเภอบ้านนาสาร
นายอำเภอบ้านนาสาร จึงสั่งการให้กำลังฝ่ายปกครองเฝ้าติดตาม และบุกเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวเมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ จากการตรวจค้นพบยาบ้าบรรจุอยู่ในขวดซุกซ่อนอยู่ใต้หมอนบนที่นอนของผู้ต้องหา จำนวน 1,200 เม็ด
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า ยังมียาบ้า จำนวน 40,000 เม็ด ฝังดินซุกซ่อนอยู่ในปล่องปูนซีเมนต์หลังบ้าน เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวผู้ต้องหาไปขุด และพบของกลางดังกล่าวจริง จึงนำตัวมาทำการสอบสวนขยายผล ผู้ต้องได้ให้การว่า ยังมี นายธีระพงศ์ พันธ์วิลัย อายุ 32 ปี และ นายชาตรี พันธ์วิลัย อายุ 48 ปี ร่วมขบวนการ
เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังไปควบคุมตัวแต่ทั้งคู่ได้ไหวตัวหลบหนีไปได้ก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าถึง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
สำหรับประวัติของ นายสุเมธ ทองคลอด หรือหลง ห้วยมุด เป็นผู้ที่ทางการต้องการตัว เนื่องจากมีรายชื่ออยู่ในกลุ่มค้ายาเสพติดรายใหญ่ของบัญชีปราบปรามยาเสพติดของอำเภอ และบัญชีของ ป.ป.ส.ภาค 8
เคยถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเชิญตัวมาทำการสอบสวนหลายครั้งแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงจึงรอดมาทุกครั้ง แต่ครั้งล่าสุดชะล่าใจนำของกลางมาฝังไว้หลังบ้านจึงไปไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองบุกรวบตัวดังกล่าว
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ยอมรับว่า สถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบันกลุ่มผู้ค้าได้มีการลดราคาลงมาจึงทำให้มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นในทุกพื้นที่ จึงขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบเห็นสิ่งผิดปกติช่วยแจ้งข่าวสารข้อมูลให้แก่ทางเจ้าที่เพื่อจะได้ดำเนินกวาดล้างจับกุมต่อไป