สุราษฎร์ธานี- ผู้เลี้ยงกุ้ง 15 จังหวัด ออกแถลงการณ์คัดค้านกรมประมงนำเข้ากุ้งจากประเทศอินเดียมาสวมเป็นกุ้งไทยแล้วส่งออก ระบุเป็นการทำลายเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งไทยให้ล้มละลาย ย้ำขีดเส้นตาย 30 วัน หากรัฐบาลไม่ยับยั้งเดินหน้าล่ารายชื่อปลดอธิบดีกรมประมง
วันนี้ (14 ก.พ.) เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมไดมอนพลาซ่า อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องในวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก สหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง จำกัด และตัวแทนผู้เลี้ยงกุ้ง 15 จังหวัดภาคใต้ และใกล้เคียง รวมตัวกันส่งหนังสือเปิดผนึกถึงผู้ประกอบการห้องเย็น และผู้เกี่ยวข้องในวงการอุตสาหกรรมกุ้งไทย คัดค้านการนำเข้ากุ้งขาวจากประเทศอินเดีย จำนวน 50,000 ตัน เนื่องจากมีความเสี่ยงในการนำเข้าโรคระบาด โดยในวันที่ 20 ก.พ.61 นี้ กลุ่มผู้เลี้ยงกุ้ง 15 จังหวัดภาคใต้ และใกล้เคียงจะยื่นหนังสือไปยังรัฐบาลผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ยกเลิกการนำเข้า ให้เวลา 30 วัน ในการดำเนินการ หากไม่เป็นผลจะยื่นหนังสือถอดถอนอธิบกรมประมง มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรงให้พ้นตำแหน่งทันที
นายยุทธนา รัตโน ที่ปรึกษาสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง จำกัด กล่าวว่า ตามที่มีข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ และได้ถูกนำมาแชร์ในไลน์กลุ่มต่างๆ ว่า เปิดไฟเขียวให้นำเข้ากุ้งขาวอินเดีย แปรรูป แช่แข็ง 1 ปี 50,000 ตันนั้น สหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง มีความเห็นว่าในปัจจุบันกรมประมงได้มีประกาศห้ามนำเข้ากุ้งจากอินเดีย เนื่องจากมีความเสี่ยงในการนำโรคไวรัสกุ้งไอเอ็มเอ็น.ที่ยังไม่พบการระบาดในประเทศไทย เป็นความเสี่ยงต่อการควบคุมในประเทศไทย และในปัจจุบัน กรมประมงยังไม่ได้ยกเลิกประกาศดังกล่าวแต่อย่างใด
นอกจากนั้น ยังมีข่าวจากประเทศผู้นำเข้าหลายประเทศว่า กุ้งจากอินเดียมีความเสี่ยงในการตกค้างของยาปฏิชีวนะ ซึ่งทั้ง 2 กรณีดังกล่าว กรมประมงได้มีมาตรการคุมเข้มในการตรวจสัตว์น้ำนำเข้าตามกฎหมายที่ต้องไม่พบโรค และไม่มีการตกค้างของยาปฏิชีวนะ สหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง มองว่า แนวทางที่จะแก้ไขปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบของห้องเย็นเป็นแนวทางที่มีความเสี่ยง ยากต่อการปฏิบัติ อีกทั้งต้องเสียค่าใช้จ่าย และเสียเวลาในการขนส่ง อาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อความผันผวนของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งที่เป็นผู้ผลิตในประเทศ และอาจจะไม่ทันต่อการผลิตเพื่อส่งออกในปี 2561 ที่กำลังจะเริ่มต้น
ทั้งนี้ ความต้องการนำเข้ากุ้งเพื่อชดเชยการขาดแคลนวัตถุดิบ จำนวน 50,000 ตันนี้สามารถแก้ไขได้โดยไม่ต้องนำเข้า หากห้องเย็นใช้แนวทางการผลิตในประเทศทำงานร่วมกันกับเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์ทั่วประเทศ เกษตรกรที่อยู่ในระบบการผลิตแบบแปลงใหญ่ของกรมประมงที่กำลังดำเนินการอยู่ วางการผลิตร่วมกันให้สอดคล้องต่อความต้องการของภาคการส่งออก ปริมาณกุ้ง 50,000 ตัน จะสามารถผลิตได้ภายในประเทศอย่างแน่นอน ภายใต้ความร่วมมือ ร่วมใจ และความจริงใจต่อกัน เกษตรกร และห้องเย็นจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคนี้ไปได้อย่างแน่นอน และที่สำคัญที่สุด ทำให้อุตสาหกรรมกุ้งของประเทศไทยพลิกฟื้นกลับมาแข่งขันกับประเทศผู้ผลิตรายใหม่ๆ ได้