ชุมพร- สองตายายถูกวางสารพิษในแท็งก์น้ำหมอรักษารอดตายกลับบ้านได้แล้ว แต่ต้องเดือดร้อนหนัก ไม่มีน้ำกินน้ำใช้ยังเปิดน้ำในแท็งก์กว่า 500 ลิตรทิ้งไม่ได้ หวั่นกระทบแหล่งน้ำธรรมชาติ
วันนี้ (14 ก.พ) จากกรณีคนร้ายใช้ยาปราบศัตรูพืชเทลงในแท็งก์น้ำหลังบ้านหวังฆ่า นายสุวรรณ บริคช อายุ 76 ปี และนางธิดา บริคช อายุ 63 ปี ตายาย สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 87/3 หมู่ 9 ตำบลวิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร ที่นำไปดื่มกินจนเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนท้อง ปากคอแห้ง ต้องกระเสือกกระสนไปขอความช่วยเหลือจาก นางสวรรยา บริคช อายุ 35 ปี ที่บ้านอยู่ใกล้กันพาทั้งคู่ไปส่งโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และแพทย์ล้างท้องรักษาจนอาการปลอดภัย และอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้ว
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว นายสุวรรณ และนางธิดา สองตายายอาการดีขึ้นมากปลอดภัย แพทย์โรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้อนุญาตให้ทั้งคู่กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้ว หลังจากที่สองตายายกลับมาอยู่บ้านหลังที่เกิดเหตุก็ต้องประสบปัญหาความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากไม่สามารถนำน้ำในแท็งก์ที่กักเก็บไว้ใช้หน้าแล้ง ซึ่งได้ต่อท่อ และก๊อกน้ำประปาเข้าไปใช้อุปโภคบริโภค และดื่มกินในบ้านนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถปล่อยน้ำที่มีสารพิษยาฆ่าแมลงที่คนร้ายเทลงไปหวังฆ่าสองตายยายออกทิ้งได้
น.ส.สวรรยา บริคช ลูกสาวเปิดเผยว่า เนื่องจากน้ำภายในแท็งก์ที่กักเก็บไว้เพื่อใช้ดื่มกินในช่วงฤดูแล้ง ขณะนี้ไม่สามารถนำกลับใช้ดื่มกินได้อีกเพราะยังมีสารพิษจากยาฆ่าแมลงอยู่ และยังไม่ได้ปล่อยน้ำทิ้งเพื่อชำระล้าง และพักบ่อให้แห้งสะอาดได้ เพราะหากปล่อยน้ำทิ้งทั้งแท็งก์ที่มีอยู่มากกว่า 500 ลิตร น้ำก็ไหลลงไปที่ต่ำซึ่งมีเพื่อนบ้านใกล้เคียงอาศัยอยู่ และน้ำจะไหลซึมลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
ขณะนี้บอกประกาศไปยังเพื่อนๆ ชาวสวนที่ปลูกทุเรียน ยางพารา หรือใครก็ได้ให้ช่วยนำรถมาสูบน้ำที่มียาฆ่าแมลงในแท็งก์ดังกล่าว เพื่อนำไปใช้ในการฉีดพ้นกำจัดศัตรูพืชได้ในทุเรียนเอาไปใช้ประโยชน์ และหากไม่มีใครมาก็จะใช้วิธีค่อยปล่อยทิ้งวันละเล็กละน้อยจนกว่าจะหมดทั้ง 2 แท็งก์ แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าเดือดร้อนอย่างมากเพราะต้องซื้อน้ำเพื่อดื่มกิน และปรุงอาหารทุกวัน ทำให้ทั้งพ่อ และแม่ต้องเดือดร้อนเรื่องน้ำอุปโภคบริโภคอย่างมาก