ตรัง - ชาวไทยเชื้อสายจีนใน อ.กันตัง จ.ตรัง ต่างเร่งทำขนมไหว้เจ้า 3 อย่าง ทั้งขนมเข่ง ขนมถ้วยฟู และขนมหน้าแตกกันอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มีความเป็นมงคลที่สุด สำหรับใช้เซ่นไหว้ในเทศกาลตรุษจีนปีนี้
วันนี้ (14 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวไทยเชื้อสายจีนใน จ.ตรัง โดยเฉพาะใน อ.กันตัง ซึ่งเคยเป็นเมืองท่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก อีกทั้งยังเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ได้รับอิทธิพลด้านอาหารมาจากประเทศจีน จนนำมาสู่การคิดค้นทำขนมไหว้เจ้านานาชนิด ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาช้านานแล้ว ต่างเร่งปรุงขนมต่างๆ อย่างพิถีพิถันเพื่อให้มีความเป็นมงคลที่สุด ทั้งรสชาติที่แสนอร่อย และหน้าตาที่สวยงาม สำหรับใช้เซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาฟ้าดิน หรือบรรพบุรุษ เนื่องในโอกาสสำคัญต่างๆ รวมทั้งเทศกาลตรุษจีน 2018 นี้
นับตั้งแต่การทำขนมเข่ง ซึ่งจะมีจุดเด่นตรงที่มีสีน้ำตาลใส และมีรสชาติหอม เนื่องจากจะใช้แป้งข้าวเหนียว ผสมกับน้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลอ้อยป่น แทนที่จะใช้น้ำตาลทรายขาวธรรมดาเหมือนอย่างที่อื่นๆ ก่อนนำไปนึ่งนานถึงครึ่งวัน หรือ 12 ชั่วโมง ซึ่งจะได้แป้งที่มีสีน้ำตาล และมีความหอมมาก พร้อมทั้งยังสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 2 สัปดาห์ ซึ่งแตกต่างจากขนมเข่งทั่วไปที่นึ่งแค่เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ส่วนอีกหนึ่งของขนมมงคลซึ่งนิยมใช้เซ่นไหว้ในเทศกาลตรุษจีน ก็คือ ขนมหน้าแตก หรือฮวกก้วย หรือที่คนไทยเรียกว่า “ขนมถ้วยฟู” อันหมายถึงความเจริญงอกงาม รุ่งเรืองเฟื่องฟู รวมทั้งขนมเต่าแดง หรืออั่งกู่ หรือมีความหมายของขนมมงคลชนิดนี้ว่า ไหว้แล้วให้อายุยืนยาวเหมือนเต่าที่อายุยืน ขณะที่วิธีการทำก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นเช่นกัน ด้วยการใช้แป้งข้าวเหนียวมาผสมกับไส้ถั่วเขียว แล้วปั้นใส่พิมพ์รูปเต่า เมื่อนำไปนึ่งประมาณ 6 นาที ก็จะได้ขนมเต่าแดงที่สวยงามน่านำไปใช้ในการเซ่นไหว้
นายธนะพนธ์ พรทวีกุลธรรม หนึ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สืบทอดขนมมงคลเมืองกันตัง กล่าวว่า สำหรับขนมไหว้เจ้าทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ ขนมเข่ง ขนมหน้าแตก และขนมเต่าแดง จะถูกรวมเรียกว่า “ซาเจงโจ๊ย” ซึ่งหมายถึงขนมนึ่งครบ 3 อย่าง ที่ชาวไทยเชื้อสายจีนทำสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยปัจจุบันนี้ก็ยังอยู่คู่กับประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาว อ.กันตัง จ.ตรัง สืบไป