ยางราคาตก! สาวท้องแก่ใกล้คลอดดิ้นรนเร่ขายแมลงทอด หวังช่วยแบ่งเบาภาระสามี

ชุมพร - ภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ สาวท้องแก่ใกล้คลอดยังต้องดิ้นรนช่วยสามีทำงานหนักรับจ้างกรีดยาง รีดยางแผ่น ยามว่างขับรถกระบะเร่ขายแมลงทอดตามงานวัดต่างๆ
วันนี้ (12 ก.พ ) น.ส.พรทิพย์ หรือตุ๊กตา เวชการ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/3 หมู่ 2 บ้านเขาวัว ต.สวี อ.สวี จ.ชุมพร สาวท้องใกล้กว่า 8 เดือน ซึ่งใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว กำลังช่วยสามี คือนายนัฐพงศ์ หรือน้อย อายุ 35 ปี ผู้เป็นสามีรีดแผ่นยางพาราเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มรายได้จุนเจือช่วยเหลือครอบครัวอีกแรง หลังเจอวิกฤตราคายางตกต่ำอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

ซึ่งดูจากสถานการณ์แล้วราคายางยังคงไม่ขยับราคาสูงขึ้น ทั้งต้องแบกภาระค่าครองชีพที่สูง จึงต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า แม้ท้องแก่ใกล้คลอดแล้วก็ตาม ยุคเศรษฐกิจตกต่ำต้องปากกัดตีนถีบดิ้นจนสุดตัว นอกจากนั้น น.ส.พรทิพย์ สาวท้องแก่ต้องขายแมลงทอดตามงานบุญ งานบวช และงานพิธีกรรมใกล้บ้าน ถึงจะไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนแต่ก็ต้องสู้เพื่อครอบครัว และเตรียมพร้อมต้อนรับเจ้าตัวน้อยที่กำลังจะคลอดออกมาลืมตาดูโลกในไม่กี่วันข้างหน้านี้

นายนัฐพงศ์ หรือน้อย ผู้เป็นสามีเล่าให้ฟังว่า ตนเองรับจ้างกรีดยาง และรีดยางแผ่นมานานกว่า 20 ปี จนกระทั่งมีครอบครัวก็ยังคงยึดอาชีพนี้มาตลอด ซึ่งก่อนหน้านี้ ราคายางพาราดีมาตลอด จนกระทั่งมาเจอวิกฤตราคายางพาราตกต่ำทำให้รายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะค่าจ้างต้องหักแบ่งสัดส่วนกันตามราคาขึ้นลงกับเจ้าของสวนยางพารา ทำให้แทบไม่พอกินพอใช้ และช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดูทีท่าว่าจะไม่ขยับสูงขึ้นเลย

ในทางกลับกัน ค่าครองชีพเครื่องอุปโภคบริโภคค่าใช่จ่ายที่จำเป็นต่างๆ ไม่ลดลง แต่กลับมีราคาสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้ภรรยาตนเองกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 กำหนดคลอดในไม่กี่วันข้างหน้า ต้องช่วยกันทำงาน แม้ว่าตนเองจะห้ามปรามแล้วก็ไม่ยอมฟังเพราะกลัวจะมีผลกระทบต่อเด็กในครรภ์ ยังอยากทำงานช่วยแบ่งเบาภาระในครอบครัว
นายนัฐพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า ด้วยปัจจุบันตนตัดยางอยู่ประมาณ 1,300 ต้น ได้น้ำยางทำแผ่นเฉลี่ยประมาณ 30-35 แผ่นต่อวัน ราคายางอยู่ที่กิโลกรัมละ 43 บาท หักแบ่งเปอร์เซ็นต์กับนายจ้างแล้วตนจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณวันละ 500-700 บาท แต่ก็ไม่ได้ตัดทุกวันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ บางครั้งก็ทิ้งช่วงหลายวัน รวมรายได้หักลบกับรายจ่ายแล้วไม่มีเงินเหลือเก็บ และใช้จ่ายอย่างอื่นเลย จึงอยากวิงวอนให้รัฐบาลช่วยให้ราคายางสูงขึ้นกว่านี้ อย่างน้อยอยู่ที่กิโลกรัมละ 60-70 บาท ซึ่งชาวสวนยางก็พออยู่กันได้