ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อึ้งทำไมต้องไหว้แม่ค้า! ตามไปดู ทำไมคนซื้อไอศกรีมหน้าโรงเรียนต้องยกมือไหว้คนขายทุกคน พบแม่ค้า คือ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย แต่ปัจจุบันเลิกขายแล้วเนื่องจากไม่มีเวลา หลังได้รับการทาบทามให้กลับไปทำงานด้านการศึกษา

จากกรณีมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ ชื่อ Julaibib โพสต์ข้อความเมื่อเวลาประมาณเวลา 08.16 น. วันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ระบุว่า “น้องโรงเรียนรุ่นปัจจุบันคงมึนงงว่าทำไมศิษย์เก่า หรือรุ่นพี่ที่เพิ่งจบใหม่ จึงไหว้คนขายไอติมหน้าโรงเรียนกันทุกคน ก็เพราะคนขายไอติมก็คือ ผอ.โรงเรียนที่ได้เกษียณไปแล้ว ซึ่งความฝันของท่านคือขายไอติม ก็ไม่นึกว่าแก่จะมาขายจริงๆ 5555” อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไปปรากฏว่า มีคนสนใจเข้ามาแสดงความคิดเห็น และกดถูกใจกันเป็นจำนวนมาก
และเพื่อที่จะตามไปดูว่า อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีการโพสต์เป็นใคร วันนี้ (8 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่ร้านขายไอศกรีมบริเวณหน้าโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย อ.เมือง จ.ภูเก็ต จากการตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต จนไปถึงหน้าโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย มีร้านขายไอศกรีม จำนวน 2 ร้าน จึงได้สอบถามร้านค้าบริเวณหน้าโรงเรียนดังกล่าว
ทราบว่า ร้านไอศกรีมที่อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัยขาย คือ ร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้าโรงเรียน ซึ่งเป็นร้านเล็กๆ จะเปิดขายในช่วงประมาณ 15.00 น. จนถึงเวลาเด็กนักเรียนเลิกเรียน แต่ปัจจุบันร้านดังกล่าวได้เปลี่ยนมือมาเป็นของ นางดาราวรรณ อุดมภาพ หรือป้าอิ่ม อายุ 61 ปี เนื่องจากอดีต ผอ.ได้เลิกขายไอศกรีมไปประมาณ 5-6 เดือนมาแล้ว

สำหรับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนที่ขายไอศกรีมจนมีการพูดถึง และกลายเป็นกระแสดังในสังคมโซเชียลอยู่ในขณะนี้ คือ น.ส.สดศรี ตันสุธัญลักษณ์ ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้วประมาณ 2 ปี
จากการสอบถาม นางดาราวรรณ อุดมภาพ หรือป้าอิ่ม ทราบว่า หลังจากที่อดีต ผอ.โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัยเกษียณอายุราชการ ก็ได้มาช่วยหลานขายไอศกรีมที่หน้าโรงเรียนเป็นประจำ โดยเด็กนักเรียนเรียนปัจจุบันที่เคยเรียนในช่วงที่อาจารย์สดสี ดำรงตำแหน่งเป็น ผอ.โรงเรียน มาซื้อไอศกรีมก็จะยกมือไหว้ทุกคน จนเป็นที่ชินตาของผู้คนที่อยู่บริเวณดังกล่าว แต่อาจจะเป็นที่แปลกใจของนักเรียนที่เพิ่งเข้ามาเรียนใหม่
อย่างไรก็ตาม อาจารย์สดศรี ได้เลิกขายไอศกรีมมาประมาณ 2 เทอมแล้ว เนื่องจากหลานไปเปิดสอนพิเศษ จึงไม่มีเวลาทำไอศกรีมขาย ตนจึงเข้ามาทำต่อ แต่เปลี่ยนจากไอศกรีมที่ขายอยู่เดิม มาเป็นขายไอศกรีมทอดด้วย

จากการสอบถาม น.ส.สดศรี ตันสุธัญลักษณ์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ถึงสาเหตุที่มาขายไอศกรีมหน้าโรงเรียน กล่าวว่า ก่อนหน้าที่ตนก็ทำงานเพื่อส่วนรวม ทำงานเพื่อสังคม ทำงานตอบแทนแผ่นดินมาจนถึงเวลาเกษียณอายุราชการ หลังจากตนเกษียณหลานอยากทำไอศกรีมขาย ก็เลยบอกว่า พร้อมที่จะช่วยเหลือ และลงไปช่วยขาย เพื่อให้กำลังใจกับคนในครอบครัวที่อยากทำอะไรเป็นของตัวเอง
แต่หลังจากขายไปได้ระยะหนึ่ง หลานของตนซึ่งเก่งภาษาอังกฤษ และช่วงที่ขายไอศกรีมหน้าโรงเรียนก็ช่วยเด็กๆ ติวภาษาอังกฤษ ก็คิดว่าน่าจะเปิดสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้เป็นเรื่องเป็นราว เพราะเขาเป็นคนชอบสอนหนังสือ เพื่อตัดสินใจเปิดสอนพิเศษร้านไอศกรีมก็ปิดไป

ประกอบกับตนได้รับการทาบทามให้กลับมาช่วยงานทางด้านการศึกษา ทำให้ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยหลานขาย และ ถึงเวลาที่จะกลับเข้ามาสู่แนวทางการทำงานเพื่อสานต่อการศึกษาให้มีการพัฒนาต่อไป ทำให้เวลาไม่เพียงพอ
โดยขณะนี้ตนได้เข้าไปช่วยงานในสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตามโครงการวิจัย โรงเรียนพัฒนาคุณภาพต่อเนื่อง ซึ่งทั่วประเทศมีอยู่ จำนวน 14 จังหวัด สำหรับภาคใต้มี 2 จังหวัด คือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และภูเก็ต ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ต มีโรงเรียนที่อยู่ในโครงการนี้ประมาณ 9 โรงเรียน
จากกรณีมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ ชื่อ Julaibib โพสต์ข้อความเมื่อเวลาประมาณเวลา 08.16 น. วันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ระบุว่า “น้องโรงเรียนรุ่นปัจจุบันคงมึนงงว่าทำไมศิษย์เก่า หรือรุ่นพี่ที่เพิ่งจบใหม่ จึงไหว้คนขายไอติมหน้าโรงเรียนกันทุกคน ก็เพราะคนขายไอติมก็คือ ผอ.โรงเรียนที่ได้เกษียณไปแล้ว ซึ่งความฝันของท่านคือขายไอติม ก็ไม่นึกว่าแก่จะมาขายจริงๆ 5555” อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไปปรากฏว่า มีคนสนใจเข้ามาแสดงความคิดเห็น และกดถูกใจกันเป็นจำนวนมาก
และเพื่อที่จะตามไปดูว่า อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีการโพสต์เป็นใคร วันนี้ (8 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่ร้านขายไอศกรีมบริเวณหน้าโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย อ.เมือง จ.ภูเก็ต จากการตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต จนไปถึงหน้าโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย มีร้านขายไอศกรีม จำนวน 2 ร้าน จึงได้สอบถามร้านค้าบริเวณหน้าโรงเรียนดังกล่าว
ทราบว่า ร้านไอศกรีมที่อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัยขาย คือ ร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้าโรงเรียน ซึ่งเป็นร้านเล็กๆ จะเปิดขายในช่วงประมาณ 15.00 น. จนถึงเวลาเด็กนักเรียนเลิกเรียน แต่ปัจจุบันร้านดังกล่าวได้เปลี่ยนมือมาเป็นของ นางดาราวรรณ อุดมภาพ หรือป้าอิ่ม อายุ 61 ปี เนื่องจากอดีต ผอ.ได้เลิกขายไอศกรีมไปประมาณ 5-6 เดือนมาแล้ว
สำหรับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนที่ขายไอศกรีมจนมีการพูดถึง และกลายเป็นกระแสดังในสังคมโซเชียลอยู่ในขณะนี้ คือ น.ส.สดศรี ตันสุธัญลักษณ์ ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้วประมาณ 2 ปี
จากการสอบถาม นางดาราวรรณ อุดมภาพ หรือป้าอิ่ม ทราบว่า หลังจากที่อดีต ผอ.โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัยเกษียณอายุราชการ ก็ได้มาช่วยหลานขายไอศกรีมที่หน้าโรงเรียนเป็นประจำ โดยเด็กนักเรียนเรียนปัจจุบันที่เคยเรียนในช่วงที่อาจารย์สดสี ดำรงตำแหน่งเป็น ผอ.โรงเรียน มาซื้อไอศกรีมก็จะยกมือไหว้ทุกคน จนเป็นที่ชินตาของผู้คนที่อยู่บริเวณดังกล่าว แต่อาจจะเป็นที่แปลกใจของนักเรียนที่เพิ่งเข้ามาเรียนใหม่
อย่างไรก็ตาม อาจารย์สดศรี ได้เลิกขายไอศกรีมมาประมาณ 2 เทอมแล้ว เนื่องจากหลานไปเปิดสอนพิเศษ จึงไม่มีเวลาทำไอศกรีมขาย ตนจึงเข้ามาทำต่อ แต่เปลี่ยนจากไอศกรีมที่ขายอยู่เดิม มาเป็นขายไอศกรีมทอดด้วย
จากการสอบถาม น.ส.สดศรี ตันสุธัญลักษณ์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ถึงสาเหตุที่มาขายไอศกรีมหน้าโรงเรียน กล่าวว่า ก่อนหน้าที่ตนก็ทำงานเพื่อส่วนรวม ทำงานเพื่อสังคม ทำงานตอบแทนแผ่นดินมาจนถึงเวลาเกษียณอายุราชการ หลังจากตนเกษียณหลานอยากทำไอศกรีมขาย ก็เลยบอกว่า พร้อมที่จะช่วยเหลือ และลงไปช่วยขาย เพื่อให้กำลังใจกับคนในครอบครัวที่อยากทำอะไรเป็นของตัวเอง
แต่หลังจากขายไปได้ระยะหนึ่ง หลานของตนซึ่งเก่งภาษาอังกฤษ และช่วงที่ขายไอศกรีมหน้าโรงเรียนก็ช่วยเด็กๆ ติวภาษาอังกฤษ ก็คิดว่าน่าจะเปิดสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้เป็นเรื่องเป็นราว เพราะเขาเป็นคนชอบสอนหนังสือ เพื่อตัดสินใจเปิดสอนพิเศษร้านไอศกรีมก็ปิดไป
ประกอบกับตนได้รับการทาบทามให้กลับมาช่วยงานทางด้านการศึกษา ทำให้ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยหลานขาย และ ถึงเวลาที่จะกลับเข้ามาสู่แนวทางการทำงานเพื่อสานต่อการศึกษาให้มีการพัฒนาต่อไป ทำให้เวลาไม่เพียงพอ
โดยขณะนี้ตนได้เข้าไปช่วยงานในสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตามโครงการวิจัย โรงเรียนพัฒนาคุณภาพต่อเนื่อง ซึ่งทั่วประเทศมีอยู่ จำนวน 14 จังหวัด สำหรับภาคใต้มี 2 จังหวัด คือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และภูเก็ต ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ต มีโรงเรียนที่อยู่ในโครงการนี้ประมาณ 9 โรงเรียน