สุราษฎร์ธานี - จังหวัดสุราษฎร์ธานี เตรียมดันแหล่ง โบราณสถานเขาพระนารายณ์ หรือ เขาศรีวิชัย ที่มีอายุกว่า 1,300 ปี ให้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ และ การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ หลังกรมศิลปากรบูรณะเสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 80 %
วันนี้ ( 4 ก.พ.) นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางไปติดตามตรวจ ดูการขุดสำรวจโบราณสถาน เขาพระนารายณ์ หรือ เขาศรีวิชัย บ้านหัวเขา หมู่ 1 ต.เขาศรีวิชัย อ.พุนพิน ของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร หลังจากมีการสำรวจ ขุดพบหลักฐานโบราณวัตถุชิ้นใหม่เป็นจักร ทำจากโลหะสำริด ฝังอยู่ใต้ดิน มีสภาพสนิมจับเป็นก้อนหนา ซึ่งได้ส่ง ไปให้ผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรมศิลปากรที่กรุงเทพฯ ทำความสะอาด
ทั้งนี้ ต้องใช้เวลาค้นคว้าหา ข้อมูลพร้อมตรวจสอบเพิ่งทราบผลเร็วๆ นี้ว่าเป็นจักรสำริด เป็นวงกลม มี 4 ก้าน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 เซนติเมตร ขนาดจับพอดีฝ่ามือ มีลวดลาย และ มี รอยบุ่ม ตรงกลาง คาดว่าน่าจะเป็นของใช้ในพิธีกรรม เป็นของมงคลศักดิ์สิทธิ์ อาจเป็นจักรของพระวิษณุ หรือ ของโพธิสัตว์ ในลัทธิมหายาน
ขณะนี้จักรสำริดดังกล่าว อยู่ที่สำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช และ จะส่งไปจัดแสดงเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไชยา อ.ไชยา ซึ่งหลังจากนั้นได้มีการขุดสำรวจพบเศษชิ้นส่วนภาชนะดินเผาต่างๆและเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ถัง รวมถึงวัตถุ ที่มีแหล่งผลิตจากประเทศอินเดีย และ ประเทศเปอร์เซีย โดยมีข้อสันนิษฐานว่าแหล่งโบราณสถานเขาศรีวิชัย ต.เขาศรีวิชัย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี แห่งนี้เป็นรัฐหนึ่งในสมัยโบราณชื่อ “ พันพัน” ตามบันทึก เอกสารของจีนสมัยราชวงศ์ถัง ที่มีอายุกว่า 1,300 ปี
อย่างไรก็ตามก่อนนี้ เมื่อเดือนเมษายน 2560 คณะสำรวจสำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช ได้ขุดพบธรรมจักรศิลา ที่จุดโบราณสถานหมายเลข 12 บริเวณเชิงเขาด้านทิศตะวันตกของวัดเขาศรีวิชัย มีลักษณะทำด้วยศิลาทราย เจาะซี่ล้อเป็นแบบโปร่ง มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 32.2 เซนติเมตร มีกำ 12 ซี่ มีดุมตรงกลางเป็นรูปวงกลม ส่วนฐานล่างชำรุดหัก ซึ่งเป็นธรรมจักรชิ้นที่ 2 ที่พบบนเขาศรีวิชัย
ถัดมาเดือนมิถุนายน 2560 ได้พบพระพุทธรูปโบราณ แกะ สลักจากศิลาทราย ขนาดใหญ่ 1 องค์ หน้าตักกว้าง ประมาณ 50 เซนติเมตรสภาพ ถูกวางพิงผนังในถ้ำด้านหลังวัดเขาศรีวิชัย คาดว่าอยู่สมัยตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อายุประมาณ 200 กว่าปี ซึ่งการขุดสำรวจของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร เป็นเวลาร่วม 20 ปี ได้พบหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์หลายอย่าง เช่น เทวรูป พระนารายณ์ 3 องค์, พระพิมพ์ต่างๆ , ลูกปัด และ อิฐสลักรูปต่างๆ
นายอภิรัฐ เจะเหล่า นักโบราณคดี ชำนาญการ สำนักงานศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขณะนี้การบูรณะโบราณสถาน บนภูเขาเสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 80 % ยังคงเหลืออยู่ด้านล่าง และ พื้นที่ตีนเขาด้านทิศตะวันตกที่ขุดสำรวจ ใน 2 จุด โบราณสถานหมายเลข 12 - 13 และ พบหลักฐานที่สำคัญ คือ ธรรมจักร และ จักรสำริด ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธและพราหมณ์ ที่แสดงถึงว่าเป็นจุดที่บุคคลจากต่างถิ่น จากต่างประเทศเดินทางเข้าออกติดต่อการค้าขายการเชื่อมสัมพันธ์อันดี โดยใช้เส้นทางน้ำในการเดินทาง
รวมทั้งต้องมีพิธีสักการบูชาขอพรองค์เทพ เพื่อ ความเป็นสิริมงคล ก่อนออกเดินทางค้าขาย และ สิ่งสำคัญจักรสำริดพบเป็นชิ้นแรกในประเทศไทย และเชื่อว่าที่ดินบริเวณรอบเชิงเขายังมีหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์อยู่ใต้ดินอีกมาก แต่ขณะนี้ยังติดขัดอยู่ที่ชาวบ้านที่ครอบครองที่ดิน ซึ่งทางภาครัฐกำลังเข้าเจรจาต่อรองขอซื้อพื้นที่คืนเพื่อดำเนินการขุดต่อไป
ด้านนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระบุว่า ทางจังหวัดกำลังเร่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินจัดทำป้ายประสัมพันธ์ ให้นักท่องเที่ยวให้รู้จักมากยิ่งขึ้น ในส่วนพื้นที่ที่ อยู่ในความครอบครองของชาวบ้านนั้น ทางจังหวัดพร้อมที่จะเป็นคนกลางประสานมาพูดคุย กัน ระหว่างกรมศิลป์ และเจ้าของที่ดินเพื่อหาทางออก จะได้เป็นคุณประโยชน์ของประเทศชาติสืบต่อไป