ปัตตานี - ผู้ว่าฯ จ.ปัตตานี เดินหน้ารุกคืบแผนนโยบายแก้จนรอบ 2 ใน 9 อำเภอ ตามแผนงานนโยบายการขับเคลื่อนวาระปัตตานีในปี 2561 แก้ไขปัญหาความยากจน และช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
วันนี้ (2 ก.พ.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดประชุมมอบแผนงานนโยบายการขับเคลื่อนวาระปัตตานีตามแผนในปี 2561 แก้ไขปัญหาความยากจน และช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายอำเภอทั้ง 12 อำเภอ หัวหน้าส่วนหน่วยงานราชการ ส่วนเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนทั้ง 28 หน่วยงานเข้าร่วม
จากที่แผนงานนี้ได้ดำเนินนำร่องไปแล้วที่ 3 อำเภอได้จัดตั้งคณะทำงานบริหารจัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนยากจน ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส มีการกำหนดแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มที่ต้องสงเคราะห์ กลุ่มที่ช่วยเหลือตัวเองได้ และกลุ่มที่ต้องส่งเสริมให้มีอาชีพ
ทั้งนี้ ต้องจัดทำทะเบียนครัวเรือน จัดประชุมแก้ไขปัญหาช่วยเหลือให้ลงสู่เป้าหมายได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมอบหมายภารกิจนี้ให้นายอำเภอทั้ง 12 อำเภอเป็นวาระหลัก พร้อมทั้งการติดตามผลวิเคราะห์ และทำสรุปให้มีข้อมูลชัดเจนทุกๆ เดือน เพื่อประสานกับหน่วยงานช่วยเหลือของกลุ่มอื่นๆ ซึ่งได้จำแนกเป็น 1.ครัวเรือนที่มีศักยภาพพัฒนาได้ 2.ครัวเรือนที่ต้องสงเคราะห์ 3.ครัวเรือนที่มีศักยภาพและต้องสงเคราะห์ ที่ต้องคำนึงความสามารถ ทรัพยากรการผลิต สำหรับการช่วยเหลือให้มีครบทุกด้านเช่นทางวิชาการการส่งเสริมอาชีพ สนับสนุนปัจจัยการผลิต หาแหล่งเงินทุนสนับสนุนการศึกษาอื่นๆ ตามเป้าหมายความต้องการของครัวเรือนนั้นๆ
นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ขณะที่การขับเคลื่อนใน 3 อำเภอนำร่องไปแล้วคือ ที่ อ.มายอ อ.หนองจิก และ อ.ยะหริ่ง ส่วนอีก 9 อำเภอนั้น ได้รับรู้ และดำเนินการตามนโยบายเดินควบคู่ไปด้วยกันแล้ว พร้อมขับเคลื่อน และศึกษาถึงปัญหาต่างๆ โดยมุ่งไปให้ถึงเป้าหมายครัวเรือนยากจนที่แท้จริง ส่วนหนึ่งดูได้จากข้อมูลพื้นฐานของ จปฐ. โดยในการทำงานนั้นเป้าหมายเราครอบคลุมไปทุกพื้นที่โดยไม่ได้เลือกในส่วนใดส่วนหนึ่ง และต้องพุ่งเป้าให้ทราบชื่อคนยากจนจริง รู้จริง เพื่อไม่ให้มีการตกหล่น
หลังจากนั้นเมื่อได้แล้วจะประสานหน่วยงานทุกกลุ่มกลุ่มงานต่างๆ ของจงหวัด ส่งไปตามเป้าหมาย เข้าช่วยเหลือตรงจุด ตรงประเด็นที่ต้องการ เช่น การช่วยเหลือจากกรมแรงงานในเรื่องการอาชีพ อยากได้อาชีพอะไรอยากให้ความช่วยเหลืออย่างไรให้ตรงตามความต้องการของประชาชนกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งอำนวยความสะดวก และต้องประสานงานกับองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือในพื้นที่อีกด้วย โดยย้ำนายอำเภอทั้ง 12 อำเภอ ทุกคนสามารถดำเนินการให้เป็นผลสำเร็จเพื่อกระตุ้น ทุกคนให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ และแก้ไขปัญหาความยากจนได้ อีกทั้งในการต่อสู้ ครั้งนี้เป็นการต่อสู้กับความยากจน เป็นการแก้ไขปัญหาความมั่นคงอีกด้วย การแก้ไขปัญหาความยากจนจึงเป็นการแก้ไขปัญหาให้คนคิดต่างได้เข้าใจ และกลับมาสร้างความสงบ สุขให้กับพื้นที่ได้สำเร็จในที่สุด