สตูล - หัวหน้าอุทยานฯ ตะรุเตา จ.สตูล เตือนอย่าหลงเชื่อซื้อ-ขายที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะบนเว็บไซต์ ยันยึดคืนผืนป่ามาได้แล้ว 6 คดี เหลือค้างคา 41 คดี ต่อสู้ในชั้นศาล ขณะที่คดีพิพาท สภ.เกาะหลีเป๊ะ กับเอกชน ยังต้องรอขอผลพิสูจน์จากนักวิชาการ
วันนี้ (24 ม.ค.) ที่ศูนย์ป่าไม้จังหวัดสตูล นายพันธ์พงศ์ คงแก้ว เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ได้แถลงความคืบหน้าคดีบุกรุกผืนป่าในพื้นที่หมู่เกาะหลีเป๊ะ หมู่ที่ 7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล คดีได้ถึงที่สุดในชั้นศาล จำนวน 6 คดี และยังต่อสู้ในชั้นศาลอีก 41 คดี และยังไม่มีการพบการบุกรุกเพิ่มแต่อย่างใด โดยพื้นที่ที่มี น.ส.3 และ ส.ค.1 ในพื้นที่อุทยานฯ ตะรุเตา มีทั้งสิ้นประมาณ 405 ไร่ พบการบุกรุกครึ่งหนึ่งของอุทยานฯ ตะรุเตา จำนวน 283 ไร่ 2 งาน 3 ตารางวา ที่ต้องมีการต่อสู้ในชั้นศาลในการทวงผืนป่าอุทยานฯ กลับคืนมา
อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ได้ดำเนินการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พุทธศักราช 2504 มาตรา 22 เรียบร้อยแล้ว จำนวน 4 แปลง พื้นที่ประมาณ 128 ไร่ 1 งาน 27 ตารางวา อาคารและสิ่งก่อสร้าง 10 รายการ/หลัง สภาพพื้นที่ป่าปัจจุบันที่กำลังเริ่มฟื้นตัวไปตามธรรมชาติ ซึ่งรวมไปถึงคดีที่มีการทำถนนคอนกรีตขึ้นไป โดย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออกข่าวต่อสื่อมวลชน ว่า มีการตัดถนนเข้าสู่พื้นที่โดยมีนายทุน หรือผู้มีอิทธิพลเข้าไปบุกรุก แผ้วถางยึดถือครอบครองนั้น คดีได้ถึงที่สุดแล้ว จำนวน 2 แปลง พื้นที่ประมาณ 13 ไร่ 27 ตารางวา อาคารและสิ่งปลูกสร้าง 17 รายการ อยู่ระหว่างการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติตะรุเตา
นอกจากนี้ นายพันธ์พงศ์ คงแก้ว เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ยังพบกลุ่มบุคคลได้มีการลงประกาศซื้อขายที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะ หมู่ที่ 7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ตามเว็บไซต์ และสื่อต่างๆ นั้น ขอให้ผู้ที่สนใจที่ดินทำเลทองบนเกาะหลีเป๊ะ ตรวจสอบเอกสารหลักฐานให้ชัดเจนก่อนจะมีการซื้อขาย และหากยังไม่แน่ใจให้สอบถามมาที่อุทยานฯ ตะรุเตา ว่า ที่ดินดังกล่าวอยู่ในที่ดินที่มีข้อพิพาทกับทางอุทยานฯ หรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันการมีปัญหา และบุคคลที่แอบอ้างขายได้
ส่วนความคืบหน้าคดี สภ.เกาะหลีเป๊ะ กับเอกชน ขณะนี้ต้องรอผลพิสูจน์จากนักวิชาการในการเก็บชั้นดินไปพิสูจน์ว่าเคยมีการใช้พื้นที่ดังกล่าวทำประโยชน์จริงหรือไม่ ซึ่งยังไม่มีการส่งผลการเก็บดิน และรากไม้ จากนักวิชาการมายังอุทยานฯ ตะรุเตา แต่อย่างใด