พัทลุง - จนท.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวง จ.พัทลุง เข้าตรวจสอบซากโลมาอิรวดีน้ำจืดในทะเลสาบสงขลา หลังรับแจ้งจากชาวบ้านริมทะเลสาบว่า พบซากโลมาอิรวดีน้ำจืดลอยน้ำตายโดยไม่ทราบสาเหตุ
วันนี้ (15 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พัทลุง ว่า จนท.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวง จ.พัทลุง เข้าตรวจสอบซากโลมาอิรวดีน้ำจืดในทะเลสาบสงขลา หลังรับแจ้งจากชาวบ้านริมทะเลสาบว่าพบซากโลมาอิรวดีน้ำจืดลอยน้ำตายโดยไม่ทราบสาเหตุ บริเวณริมทะเลสาบสาบสงขลา ช่วงลับ 5 ท้องที่ ม.6 ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ชาวบ้านได้นำซากโลมาอิรวดีตัวดังกล่าวมาเก็บไว้ริมชายฝั่งบ้านเกาะใหญ่ ตรวจสอบพบว่า โลมาตัวดังกล่าวเป็นโลมาเพศผู้ อายุ 1 เดือน ตามลำตัวมีรอยเขียวช้ำ และผิวหนังหลุดลุ่ย โดยเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน
โดยการสอบถามชาวบ้านที่พบ ทราบว่า โลมาตัวอ่อนดังกล่าวได้ลอยตายอยู่ในพื้นที่นอกเขตอนุรักษ์ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวง เจ้าหน้าที่จึงได้ลงบันทึกพร้อมเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา ก่อนนำซากโลมาตัวดังกล่าวส่งพิสูจน์สาเหตุการตายอีกครั้ง
สำหรับโลมาตัวดังกล่าว พบว่า เป็นตัวที่ 6 แล้วที่ตายในห้วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ สาเหตุการตายส่วนใหญ่เกิดจากการใช้อวนดักปลาบึกเข้าไปดักปลาในเขตอนุรักษ์ของโลมาน้ำจืด ซึ่งตัวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุการตาย คือ ติดอวนประมงปลาบึก
ขณะที่โลมาอิรวดีน้ำจืดที่มีเพียง 1 ใน 5 แห่งของโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ทะเลสาบสงขลากำลังวิกฤต แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามขยายเขตหากินของโลมาเพิ่ม และห้ามวางอวนขนาดใหญ่ อย่างอวนปลาบึก อวนปลาสวาย และอวนปลากะพง แต่ก็ยังมีชาวประมงเข้าไปแอบวางในเขตอนุรักษ์ จนโลมาได้รับผลกระทบจากที่เคยมีอยู่ 80 ตัว ปัจจุบันลดลงเหลือไม่ถึง 30 ตัวในทะเลสาบแห่งนี้