นครศรีธรรมราช - ชาวบ้านศรัทธางูหลามยักษ์ “แม่ทองคำ” รักษาคนป่วย เชื่อเป็นงูบำเพ็ญบุญอยู่กับพระภายในกุฏิวัดห้วยระย้า อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช เผยมีคนป่วยมาตามความเชื่อ แต่กลับหายจากอาการป่วย และกลับมาบูรณะวัดตอบแทน
วันนี้ (12 ม.ค.) ที่วัดห้วยระย้า หมู่ 5 ต.นาพรุ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช มีงูหลามยักษ์รักษาคนป่วย ซึ่งจะมีคนเดินทางมารักษากับงูหลามขนาดใหญ่ยาวกว่า 5 เมตร ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่วัดดังกล่าว โดยพบว่า อยู่บริเวณหลังโรงเรียนบ้านห้วยระย้า มีพระภิกษุจำวัดอยู่ไม่กี่รูป และสังเกตดูพบว่า มีกุฏิหนึ่งปิดประตูไว้อย่างมิดชิด ซึ่งมีพระภิกษุรูปหนึ่งจำอยู่ที่กุฏินี้ คือ พระบุญเลิศ พูลสวัสดิ์ อายุ 66 ปี ซึ่งเป็นพระลูกวัดของวัดห้วยระย้า โดยพบว่า ภายในกุฏิมีงูหลามขนาดใหญ่มาก มีความยาวกว่า 6 เมตร น้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม นอนอยู่ใต้เตียง พระบุญเลิศ จึงลากออกมาด้านนอก แต่งูหลามยักษ์นั้นอยู่ในอาการสงบนิ่ง และเชื่องช้า
ซึ่งกุฏิหลังดังกล่าว ทาง พระบุญเลิศ ได้ทำอ่างน้ำสำหรับให้งูหลามตัวนี้ไว้อาบน้ำช่วงอากาศร้อน ถ้ามันร้อนมันจะลงอ่างเอง และจะคอยเช็ดล้างของเสียจากการขับถ่าย โดยสภาพภายในกุฏิสะอาดเรียบร้อย ไม่มีกลิ่นเหมือนกับสถานที่เลี้ยงงูตามสวนสัตว์ทั่วไป พระบุญเลิศ บอกว่า จะจำวัดอยู่ในกุฏิกับงูหลามยักษ์ตัวนี้มาเกือบ 30 ปีแล้ว เพราะเลี้ยงดูมันมาตั้งแต่ตัวยาวเพียงฟุตกว่าๆ ซึ่งหลานซื้อมาฝากให้เลี้ยงตอนบวชใหม่ๆ เป็นเพศเมีย ชื่อว่า “แม่ทองคำ” จนตอนนี้อายุเกือบ 30 ปีแล้ว กินอาหารแค่เดือนละครั้ง
พระบุญเลิศ พูลสวัสดิ์ กล่าวว่า ชาวบ้านเขาศรัทธา และเชื่อว่างูหลามตัวนี้เป็นงูที่กำลังบำเพ็ญบุญ มีคนมารักษาป่วยด้วยโรคต่างๆ บ่อยครั้งตามความเชื่อของเขา โดยใช้วิธีการไปลูบตัวเขา หรือนำหางเขามาปัดลูบบริเวณที่ปวดเมื่อยตามความเชื่อ แล้วจะหายจากอาการ ทำแล้วสบายใจก็ปล่อยไป แต่บังเอิญว่าหายป่วยกันจริงๆ ชาวบ้านเหล่านั้น หรือคนต่างถิ่นที่มาเมื่อหายเขาก็มาทำบุญบูรณะเสนาสนะตามศรัทธากันไป อย่างรายล่าสุด กลับมาทอดผ้าป่าหาเงินสมทบทุนการซ่อมแซมศาลาโรงธรรมให้วัดก็มี ซึ่งตอนนี้กำลังซ่อมอยู่
“จะจริงหรือไม่อย่างไรไม่ยืนยัน แต่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ทำแล้วคนเขาสบายใจก็คิดว่าไม่ได้เสียหายอะไร และไม่ได้เรียกร้องเงินทองกับคนที่มารักษา สำหรับงูหลามตัวนี้ อาตมาเลี้ยงมานานจนมีความผูกพัน จะปล่อยให้หากินเองคงไม่ได้ เพราะมันหากินไม่เป็น คือ คงจะอยู่ด้วยกันจนตายไปข้างหนึ่ง” พระบุญเลิศ กล่าว
