ตรัง - ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง ทดลองนำต้น “ชาอัสสัม” มาปลูกในภาคใต้ หวังสร้างรายได้เสริมในยุคที่ยาง-ปาล์มราคาตก เพราะตลาดทั้งใน และต่างจังหวัดมีความต้องการสูงมาก จนผลผลิตที่ได้มีไม่เพียงพอ
วันนี้ (6 ม.ค.) ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง ประสบความสำเร็จในการนำต้น “ชาอัสสัม” มาปลูกบนเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ หรือกว่า 3,000 ต้น ซึ่งหลังนำไปทดลองปลูกแซมในสวนยูคาลิปตัส ได้ประมาณ 3-4 ปี ชาอัสสัม ก็สามารถเก็บยอดอ่อนได้เพียง 3 ใบแรก คือ 1 ยอดตูม กับ 2 ใบบาน โดยใบชาชนิดนี้ น้ำหนัก 3 กิโลกรัม เมื่อนำมาตากแห้งแล้วจะได้ชาประมาณ 1 กิโลกรัม ขายในราคาละ 700 บาท แต่หากส่งไปขายยังต่างประเทศจะมีราคาสูงขึ้นเป็นกิโลกรัมละกว่า 2,000 บาท
ซึ่งการทดลองปลูกชาอัสสัมในครั้งนี้ เนื่องจากเหมาะต่อสภาพพื้นที่ในภาคใต้ ที่ไม่ชอบแสงแดดจัด ทนทานต่อโรค และแมลงรบกวน สามารถเก็บยอดอ่อนได้ตลอดทั้งปี รวมทั้งพัฒนาด้วยการนำไปปลูกแซมในร่องสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน และสวนผลไม้ เพราะสามารถตัดแต่งกิ่งให้เตี้ยเพื่อง่ายต่อการเก็บยอดอ่อน
นางศุภลักษณ์ อริยภูชัย นักวิชาการเกษตรชำนาญการ ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง กล่าวว่า สำหรับชาอัสสัม นอกจากจะนำมาชงพร้อมดื่มที่ให้รสชาติหอมหวาน และสดชื่นกระปรี้กระเปร่าแล้ว ยังนำไปเป็นส่วนผสมของชานม ชาเขียว และชามะนาวได้ด้วย ทำให้ขณะนี้เกิดธุรกิจรับซื้อชาตากแห้งทั้งใน จ.ตรัง และจังหวัดใกล้เคียง แต่ผลผลิตที่ได้ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ทั้งนี้ หากเกษตรกรรายใดในภาคใต้สนใจที่จะนำชาชนิดนี้ไปปลูกเป็นพืชแซมในสวน เพื่อสร้างรายได้เสริมในยุคที่พืชเกษตรหลายตัวมีราคาตกต่ำ สามารถเดินทางไปศึกษาดูงานได้ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง พร้อมทดลองชิมชาที่นุ่มลิ้นได้ทุกวันในวันเวลาราชการ