ศูนย์ข่าวภูเก็ต - มอบตัวแล้ว 4 ราย กลุ่มวัยรุ่นทำร้ายชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ หลังมีการปล่อยคลิปขณะลงมือทำร้าย จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกดดันหนัก เบื้องต้น รับสารภาพ
จากกรณีมีกลุ่มวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์ไล่ทำร้ายคู่อริเข้าไปในซอยหมูบ้านอยู่สบาย ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีคนถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย คือ นายโรมี นาวิโอ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/171 ม.1 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นชาวบ้านที่ออกมาดูเหตุการณ์ และเข้าห้ามปรามไม่ให้กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุทำร้ายวัยรุ่นคู่อริ จำนวน 3 คน
ซึ่งหลังเกิดเหตุญาติผู้ได้รับบาดเจ็บได้นำคลิปวิดีโอขณะเกิดเหตุโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อเรียกร้องให้ ตร.สภ.วิชิต เร่งจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี เพราะกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จนกลายเป็นกระแสดังในโลกโซเชียล
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิชิต โดย พ.ต.อ.นิกร สมสุข ผกก.สภ.วิชิต ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนออกสืบสวนหาข่าว จนกระทั่งทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่สะพานร่วม เขตเทศบาลนครภูเก็ต พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมออกหมายจับ
ในเวลาต่อมา วันนี้ (3 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รอง ผกก.สส.สภ.วิชิต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ร่วมกันรับมอบตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุในครั้งนี้ จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ หรือแฝด พลิกหิน อายุ 18 ปี นายศรัณย์ หรือแย็ค หมื่นกล้า อายุ 18 ปี นายภานุรุจ หรือทิว สุดพังยาง อายุ 18 ปี นายขจร หรือเบ็น ระย้า ในข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่กายสาหัส
หลังจากนั้นได้นำตัวมาสอบสวนเพิ่ม ในเบื้องต้น ทราบว่า ก่อเกิดเหตุกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นสะพานร่วม ได้ขับรถมาเจอกัน และมีการเบิ้ลเครื่องใส่กัน หลังจากนั้น กลุ่มผู้ต้องหาได้ขับรถไล่ตามกลุ่มวัยรุ่นคู่อริไปจนถึงหมู่บ้านที่เกิดเหตุ และขณะที่กำลังไล่เข้าไปในซอย กลุ่มคู่อริบางคนตกจากรถที่ขับหลบหนีจึงได้เข้าทำร้ายร่างกาย
ขณะนั้นผู้ได้รับบาดเจ็บได้ออกมาจากบ้าน และเดินเข้ามาหากลุ่มวัยลุ่ย จึงทำร้ายร่างกายเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพวกเดียวกับคู่อริ ประกอบกับมีชายถือไม้เบสบอลเข้ามาด้วย ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ได้ขับรถหลบหนีออกมาโดยไม่ทราบว่าคนที่ถูกทำร้ายไม่ได้เกี่ยวข้องต่อกลุ่มคู่อริที่ขับรถไล่กันมา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด เพื่อติดตามจับกุมผู้ที่ร่วมก่อเหตุเพิ่มเติม
จากกรณีมีกลุ่มวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์ไล่ทำร้ายคู่อริเข้าไปในซอยหมูบ้านอยู่สบาย ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีคนถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย คือ นายโรมี นาวิโอ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/171 ม.1 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นชาวบ้านที่ออกมาดูเหตุการณ์ และเข้าห้ามปรามไม่ให้กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุทำร้ายวัยรุ่นคู่อริ จำนวน 3 คน
ซึ่งหลังเกิดเหตุญาติผู้ได้รับบาดเจ็บได้นำคลิปวิดีโอขณะเกิดเหตุโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อเรียกร้องให้ ตร.สภ.วิชิต เร่งจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี เพราะกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จนกลายเป็นกระแสดังในโลกโซเชียล
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิชิต โดย พ.ต.อ.นิกร สมสุข ผกก.สภ.วิชิต ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนออกสืบสวนหาข่าว จนกระทั่งทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่สะพานร่วม เขตเทศบาลนครภูเก็ต พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมออกหมายจับ
ในเวลาต่อมา วันนี้ (3 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รอง ผกก.สส.สภ.วิชิต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ร่วมกันรับมอบตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุในครั้งนี้ จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ หรือแฝด พลิกหิน อายุ 18 ปี นายศรัณย์ หรือแย็ค หมื่นกล้า อายุ 18 ปี นายภานุรุจ หรือทิว สุดพังยาง อายุ 18 ปี นายขจร หรือเบ็น ระย้า ในข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่กายสาหัส
หลังจากนั้นได้นำตัวมาสอบสวนเพิ่ม ในเบื้องต้น ทราบว่า ก่อเกิดเหตุกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นสะพานร่วม ได้ขับรถมาเจอกัน และมีการเบิ้ลเครื่องใส่กัน หลังจากนั้น กลุ่มผู้ต้องหาได้ขับรถไล่ตามกลุ่มวัยรุ่นคู่อริไปจนถึงหมู่บ้านที่เกิดเหตุ และขณะที่กำลังไล่เข้าไปในซอย กลุ่มคู่อริบางคนตกจากรถที่ขับหลบหนีจึงได้เข้าทำร้ายร่างกาย
ขณะนั้นผู้ได้รับบาดเจ็บได้ออกมาจากบ้าน และเดินเข้ามาหากลุ่มวัยลุ่ย จึงทำร้ายร่างกายเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพวกเดียวกับคู่อริ ประกอบกับมีชายถือไม้เบสบอลเข้ามาด้วย ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ได้ขับรถหลบหนีออกมาโดยไม่ทราบว่าคนที่ถูกทำร้ายไม่ได้เกี่ยวข้องต่อกลุ่มคู่อริที่ขับรถไล่กันมา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด เพื่อติดตามจับกุมผู้ที่ร่วมก่อเหตุเพิ่มเติม