กระบี่ - หญิงวัย 53 ปี ฐานะยากจนสู้ชีวิต เดินเท้าตระเวนกวาดขยะ ริมถนนภายในเขตเทศบาลตำบลคลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ระยะทางกว่า 5 กิโลเมตรทุกวัน เป็นที่สงสารของชาวบ้าน หลังสามีผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวเสียชีวิต เผยมีบ้านอยู่แต่ไม่มีชื่อเป็นเจ้าของ ห่วงอนาคตลูกชายไม่มีที่อยู่
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่เขตเทศบาลคลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ว่า มีคนกวาดขยะฐานะยากจน ดิ้นรนสู้ชีวิต เดินเท้าจากบ้านรวมระยะทางกว่า 5 กิโลเมตรทุกวัน เพื่อตระเวนกวาดขยะตามท้องถนนในเขตเทศบาล และตลาดเทศบาลตั้งแต่เช้ามืด บางวันก็พาลูกๆ มาช่วยกวาดขยะด้วย ชาวบ้านเห็นแล้วสงสาร ต่างก็ให้ความช่วยเหลือให้กับข้าว ผัก ผลไม้ ได้พากลับไปกินที่บ้านกับลูกๆ จึงเดินทางไปตรวจสอบ
พบ นางวาสนา กังแฮ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 210/7 ม.1 ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ กำลังตระเวนกวาดขยะริมถนนด้วยความขยันขันแข็ง โดยมีลูกชาย 2 คน คนหนึ่งสติไม่ค่อยสมประกอบมาช่วยเก็บขวาดขยะใส่ถัง เป็นที่ชื่นชม และหดหู่ใจของชาวบ้านที่พบเห็น
นางวาสนา กล่าวว่า ตนมาทำงานรับจ้างกวาดขยะในเขตเทศบาลตำบลคลองพน มานานกว่า 9 ปีแล้ว ตั้งแต่ตี 5 ออกเดินกวาดขยะตั้งแต่ถนนหน้าบ้าน ไปจนถึงโรงเรียนบ้านห้วยออก โรงเรียนน้ำท่อ วัดท่าคลอง และไปจบที่ตลาดเทศบาล รวมระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ประมาณ 11โมง จึงจะเสร็จ เดิมทีทำอยู่กับสามี ได้ค่าจ้างคนละ 5,500 บาทต่อเดือน แต่เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา สามีได้เสียชีวิตลงจากโรคประจำตัว จึงเหลือตนทำงานเพียงคนเดียว และได้ลูกชาย 2 คน มาช่วยกวาดขยะ และเก็บถุงพลาสติกไว้ขาย โดยลูกชายคนโต อายุ 30 ปี สติไม่ค่อยดีต้องกินยา และไปหาหมอตามนัด ส่วนคนน้องชาย อายุ 23 ปี เรียนได้แค่ชั้น ป.6 ก็ต้องออกมาช่วยงานตนเพราะไม่มีงานทำ อาศัยรับจ้างทั่วไป มีงานที่ไหนก็ไหนทำ แม้ครอบครัวตนจะมีรายได้น้อย แต่ตนก็อดทนไม่ยอมแบมือขอใครกิน และสอนลูกเสมอให้อดทนทำงานสุจริต
นางวาสนา เปิดเผยอีกว่า ตอนนี้กังวลเรื่องบ้านที่อยู่อาศัย ที่ผ่านมาได้ซื้อต่อจากน้าชายไว้นานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ไม่ได้มีการโอน ล่าสุด มีการนำไปจำนองธนาคารแล้ว จึงไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีปัญหาหรือไม่ ตนเองก็ไม่มีความรู้ วันๆ ทำแต่งาน กังวลอนาคตของลูกชายทั้ง 2 คน ตอนนี้อยากจะให้ลูกชายคนสุดท้องได้เรียนหนังสือต่อ แต่ลำพังรายได้ของครอบครัวก็ใช้จ่ายไม่พอแต่ละเดือน ใครจ้างให้ไปทำงานที่ไหนก็ทำ
ด้าน นางสมจิต จินดาทวีรัตน์ อายุ 65 ปี กล่าวว่า ตนอาศัยในเขตเทศบาลตำบลคลองพน และเฝ้าติดตามชีวิตครอบครัว นางวาสนา มานานหลายปี เห็นแล้วก็รู้สึกสงสาร เพราะนางวาสนา เป็นคนขยันทำงาน ตนก็ช่วยเหลือเป็นครั้งคราว อยากจะให้หน่วยงานี่เกี่ยวข้องเข้ามา สำรวจ และให้ความช่วยเหลือ เพราะไม่รู้ว่าครอบครัวของนางวาสนา มีความเป็นอยู่ลำบากมาก แต่ก็เป็นคนที่ไม่ชอบแบมือขอใคร