xs
xsm
sm
md
lg

เมนูหรอย! “ผัดเผ็ดข่าอ่อนปลามิหลัง” วัตถุดิบสดๆ จากท่าเรือประมงพื้นบ้านสตูล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
เสน่ห์วิถีชีวิตชาวเล เรือประมงพื้นบ้านในพื้นที่ ต.ละงู อ.เมือง จ.สตูล ทุกเช้าที่ท้องฟ้าเปิดชาวประมงพื้นบ้านที่นี่ หลังจากนำเรือออกหาปลาริมชายฝั่งตั้งแต่เช้ามืด 5-6 ชั่วโมง ก็จะรีบทยอยนำเรือพร้อมปลา และอาหารทะเลหลากหลายชนิดขึ้นฝั่ง ที่ท่าคลองบ้านหัวหินกันเป็นจำนวนมาก

ทำให้ที่ท่าคลองบ้านหัวหินแห่งนี้ มีสัตว์น้ำที่ชาวประมงพื้นบ้านไปหามาได้สดใหม่นำมาขึ้น เพื่อส่งขายให้กับลูกค้าที่มาเฝ้ารอซื้ออาหารทะเลสดๆ เพื่อไปรับประทานโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และลูกค้าที่มารอจับจ่ายซื้อปลานานาชนิด อาหารทะเลหลากหลาย อาทิ ปลาหลังเขียว ปลามิหลังหรือปลาดุกทะเล ที่ได้รับความนิยมของลูกค้าซื้อหาไปบริโภคกันเป็นจำนวนมาก ปู กุ้งและหอย จะหมุนเวียนในการออกเรือหาปลาไปตามฤดูกาล
 

 
นายบาเล็ม เอ็มเล่ง อายุ 68 ปี ชาวประมงพื้นบ้าน บอกว่า การหาปลาจะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง ต้องดูช่วงน้ำขึ้นน้ำลง พายุ และฤดูกาลของสัตว์น้ำในท้องทะเลห้วงนั้นๆ โดยครั้งนี้ได้ปลามิหลังหรือปลาดุกทะเล มากพอควรที่จะสร้างรายได้ให้ครอบครัวถึง 20 กิโลกรัม โดยขายกิโลกรัมละ 120-140 บาทแล้วแต่ขนาด และได้ปู กุ้งติดมาบ้างเล็กน้อย การออกเรือบางครั้งก็เหมือนวัดดวง บางครั้งก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ทั้งที่ลงทุนค่าแรง ค่าน้ำมันไปแล้ว บางครั้งก็ได้มาเยอะมากพอเหลือเก็บ

ด้านนายหมัด มิงาม อายุ 54 ปี ที่อยู่หมู่ 2 ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล (ชาวประมงพื้นบ้าน) กล่าวว่า อาหารทะเลที่แห่งนี้สดมาก จนกลายเป็นตลาดสดย่อมๆ เลยทีเดียว หากใครต้องการจะทานอาหารทะเลสดๆ เช่น ปูม้า ปลาหมึก ปลาทู และปลามิหลัง มาหาได้ที่นี่ ชาวประมงจะออกหาปลาช่วงเช้ามืด และกลับเข้ามาพร้อมกับอาหารทะเลสดๆ ในช่วงประมาณ 08.00-09.00 น. หากใครต้องการรับประทานอาหารสดๆ มาหาซื้อได้ที่แห่งนี้
 

 
ส่วนใหญ่ชาวประมงที่นี่จะมีอาหารทะเลหลากหลายชนิด เช่น ปลากระบอก ขายกิโลกรัมละ 80 บาท ปลายทราย 100 บาท หมึกกบ แต่ปลามิหลังหรือปลาดุกทะเล จัดเป็นอาหารทะเลที่ตลาดมีความต้องการสูงมาก และจะขายดีเป็นพิเศษ

น.ส.ชญาภา อำนวยมัจฉา ผู้ที่ชื่นชอบทานอาหารทะเลสดๆ เล่าว่า มักจะเสาะหาวัตถุดิบสด ใหม่ จากต้นทางนำไปรับประทานกันในครอบครัว และซื้อฝากเพื่อนฝูง เพราะเห็นว่าในยุคปัจจุบัน จะแน่ใจได้อย่างไรว่าอาหารที่รับประทานเข้าไปแต่ละอย่าง จะผ่านขั้นตอนหรือกระบวนการที่ปลอดภัย และที่ชุมชนแห่งนี้มีแหล่งขึ้นมาของอาหารทะเลสดๆ ทำให้ไม่พลาดที่จะมาจับจ่ายซื้อหา โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง และการแช่ดองน้ำแข็ง โดยครั้งนี้เลือกซื้อปลามิหลังหรือปลาดุกทะเล 3 กิโลกรัม เพื่อไปทำเมนู “ปลามิหลังผัดเผ็ดข่าอ่อน” รับประทานกัน
 

 
สำหรับเมนูของการทำกับข้าวด้วยปลามิหลัง นอกจากแกงส้มปักษ์ใต้แล้ว ยังสามารถนำมาผัดเผ็ดข่าอ่อนรสชาติจัดจ้าน เรียกน้ำย่อยได้ดีเลยทีเดียว เครื่องปรุงผัดเผ็ดก็หาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป และจัดหามาเพิ่มก็เพียงข่าอ่อน ใบมะกรูด หลังเตรียมเนื้อปลามีหลังเรียบร้อยแล้ว ก็ตั้งไฟใส่น้ำมัน ผัดเครื่องแกงผัดเผ็ด ผสมกะปิด้วยไฟอ่อน ก่อนใส่เนื้อปลามิหลังลงไป ผัดพอเนื้อสุกอย่าผัดนานอาจทำให้เนื้อปลาเละได้ รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ เครื่องเขียงผักเหนาะ และอาหารทะเลอย่างอื่น ก็เรียกน้ำย่อยให้ใครหลายคนได้ลิ้มรสความหวานสดของปลามิหลังที่นุ่มลิ้นได้มากเลยทีเดียว

ส่วนคนที่ชื่นชอบทานปลามิหลังหรือปลาดุกทะเล หากสั่งซื้อตามร้านจานเดียวจะอยู่ที่จานละ 180-200 บาท ไม่ว่าจะเป็นผัดเผ็ด หรือแกงส้มปักษ์ใต้ปลามิหลัง แต่ก็ได้รับความนิยมถูกปากคนปักษ์ใต้ และแขกบ้านแขกเมืองที่เดินทางมากินปลาสดๆ ในพื้นที่ จ.สตูล
 






กำลังโหลดความคิดเห็น